"มาครง" เยือน นิว แคลิโดเนีย หลัง ปชช.ประท้วงค้านแก้ รธน.

สถานการณ์ใน นิว แคลิโดเนีย ดินแดนโพ้นทะเลของฝรั่งเศส ยังคงเป็นไปด้วยความวุ่นวาย หลังกลุ่มผู้ประท้วงรวมตัวก่อเหตุจลาจลคัดค้านการแก้ไข รธน.เพิ่มจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เหตุจลาจลครั้งนี้ถือว่ารุนแรงที่สุดในรอบ 40 ปี และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 6 คน

เมื่อวันที่ 22 พ.ค.2567 ภาพความชุลมุนวุ่นวายในเมืองนูเมอา เมืองเอกของ นิว แคลิโดเนีย ซึ่งเป็นดินแดนโพ้นทะเลของฝรั่งเศสในแปซิฟิก กลุ่มผู้ประท้วงและตำรวจฝรั่งเศสที่ถูกส่งไปควบคุมสถานการณ์เกิดการปะทะกันในหลายพื้นที่ นอกจากนี้ยังมีไฟลุกไหม้ในอีกหลายหลังกลุ่มผู้ประท้วงเดินหน้าก่อจลาจลบุกเผาทำลายทรัพย์สินทั่วเมือง และยังคงมีเสียงระเบิดดังขึ้นเป็นระยะ ๆ ขณะที่บางจุดของเมืองแทบจะกลายสภาพเป็นเมืองร้าง

การประท้วงใน นิว แคลิโดเนีย

จุดเริ่มต้นปะทุขึ้นหลังผู้ประท้วงออกมาคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จะขยายจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง โดยชาวคานักซึ่งเป็นชนพื้นเมืองและกลุ่มที่สนับสนุนการแยกตัวออกจากฝรั่งเศส มองว่า การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวอาจลดทอนอำนาจของชนพื้นเมืองและเป็นการเปิดทางให้ชาวฝรั่งเศสมีสิทธิในการเลือกตั้งที่ นิว แคลิโดเนีย เพิ่มมากขึ้น

ขณะที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วรัฐสภาฝรั่งเศสในกรุงปารีสเห็นชอบการแก้ไขดังกล่าว ซึ่งจะอนุญาตให้ชาวฝรั่งเศสที่อาศัยอยู่ใน นิว แคลิโดเนีย เป็นเวลา 10 ปี สามารถลงคะแนนเสียงเลือกตั้งในระดับจังหวัดได้

โดยเหตุจลาจลครั้งนี้ถือเป็นครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบ 40 ปีของ นิว แคลิโดเนีย ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้ว 6 คน บาดเจ็บหลายร้อยคน และมีผู้ถูกจับกุมอย่าน้อย 280 คน

การประท้วงใน นิว แคลิโดเนีย

เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเปิดเผยว่าสถานการณ์สงบลงแล้ว แต่ยังไม่จบ โดยตำรวจฝรั่งเศสพยายามเคลียร์พื้นที่ ขณะที่ผู้ประท้วงพยายามตั้งสิ่งกีดขวางมาใหม่อีกครั้ง แม้ว่าพรรคการเมืองที่สนับสนุนการแยกตัวจากฝรั่งเศสจะเรียกร้องให้ผู้ประท้วงนำสิ่งกีดขวางออก เนื่องจากกีดขวางการเดินทางและการส่งอาหารเข้าไปในเมืองก็ตาม

เหตุจลาจลที่เกิดขึ้นทำให้เที่ยวบินพาณิชย์หลายเที่ยวบินต้องยกเลิกการเดินทางทำให้มีผู้คนตกค้างอยู่ประมาณ 3,200 คน ขณะที่เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (21 พ.ค.2567) รัฐบาลออสเตรเลียส่งเครื่องบินเที่ยวแรกเพื่อช่วยอพยพประชาชนออกจาก นิว แคลิโดเนีย