ย้อนรอยที่มา "บิกินี" จากหมู่เกาะทดลองระเบิดนิวเคลียร์สู่ชุดว่ายน้ำ

20 พ.ค. เมื่อ 68 ปีก่อน สหรัฐฯ เริ่มทำการทดลองระเบิดนิวเคลียร์ฟิวชันที่ "หมู่เกาะบิกินี" ในมหาสมุทรแปซิฟิก ที่ต่อมาชื่อสถานที่แห่งนี้ได้กลายเป็นชื่อชุดว่ายน้ำ

หลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี 2488 ทั่วโลกได้เห็นอานุภาพการทำลายล้างที่ยิ่งใหญ่ของระเบิดนิวเคลียร์ "ฟิชชัน" ที่ทำให้สงครามทุกอย่างยุติลง ทิ้งไว้แต่ความสูญเสียของมวลมนุษยชาติที่ตามมาอีกหลายสิบปี แต่ในสายตาของประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา ที่ยังมองว่าการมีอาวุธแห่งการทำลายล้างไว้ในกำมือนั้น "เป็นสิ่งจำเป็น" และต้องไม่ใช่ "แค่" นิวเคลียร์ฟิชชัน เพราะพันธมิตรที่กลายเป็นคู่ขัดแย้งอย่าง "รัสเซีย" ได้ทดลองสร้าง "นิวเคลียร์ฟิวชัน" ไปก่อนหน้าแล้ว

อ่านข่าว : "ออปเพนไฮเมอร์" ผู้มอบอำนาจการทำลายล้างให้ "มนุษย์"

1 ปีถัดมา 166 ชาวไมโครนีเซียนที่อาศัยในหมู่เกาะบิกินี ถูกสั่งอพยพ เพื่อให้กองทัพสหรัฐฯ เข้าใช้พื้นที่ทำการทดลองระเบิดนิวเคลียร์ จนในวันที่ 20 พ.ค.2499 หรือ 11 ปีถัดมาหลังจาก "อะตอมมิก บอมบ์" ทั้ง 2 ลูกถูกทิ้งที่ฮิโรชิมะ นางาซากิ ระเบิดนิวเคลียร์ฟิวชันสัญชาติสหรัฐฯ ถูกหย่อนลงเหนือบริเวณหมู่เกาะบิกินี อานุภาพการทำลายล้างเกินไปจากที่นักวิทยาศาสตร์คำนวณไว้กว่าพันเท่าหรือมากกว่านั้น

นิวเคลียร์ฟิวชัน หรือ ระเบิดไฮโดรเจนถูกทิ้งลงเหนือ บิกินี อะทอลล์ ถูกบรรทุกโดยเครื่องบินทิ้งระเบิด B-52 และปล่อยออกมาที่ระดับความสูงมากกว่า 50,000 ฟุต อุปกรณ์ดังกล่าวระเบิดที่ความสูงประมาณ 15,000 ฟุต ระเบิดนี้มีพลังมากกว่าที่ทดสอบก่อนหน้านี้มากและคาดว่าจะมี 15 เมกะตันหรือใหญ่กว่านั้น (หนึ่งเมกะตันเทียบเท่ากับ TNT 1 ล้านตันโดยประมาณ) ผู้สังเกตการณ์กล่าวว่าลูกไฟที่เกิดจากการระเบิดมีเส้นผ่านศูนย์กลางอย่างน้อย 4 ไมล์และสว่างกว่าแสงจากดวงอาทิตย์ 500 ดวง

หมู่เกาะบิกินี หรือ ชื่อที่เรียกกันทั่วไปคือ "บิกินี อะทอลล์" เป็นหมู่เกาะที่เกิดจากปะการัง บิกินี อะทอลล์ ตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างปาปัวนิวกินีและฮาวาย เป็นสถานที่ที่รัฐบาลสหรัฐฯ ใช้จุดชนวนระเบิดนิวเคลียร์ 23 ลูกระหว่างปี พ.ศ.2489-2501 ส่งผลให้เกาะ 3 แห่ง กลายเป็นไอและทิ้งการปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีไว้เบื้องหลัง ทำให้ขณะนี้หมู่เกาะบิกินีเองปราศจากผู้อยู่อาศัย และถูกประกาศให้เป็นมรดลโลกโดยยูเนสโก

จากนิวเคลียร์สู่ชุดว่ายน้ำ

ช่วงเวลาพอเหมาะพอดีในปี 2489 ในแวดวงแฟชั่นชุดว่ายน้ำ เกิดการดีไซน์ชุดว่ายน้ำแบบใหม่ขึ้นมาโดยดีไซน์เนอร์ชาวฝรั่งเศส ฌาค ไฮม์ (Jacques Heim) ที่ออกคอลเลกชันชุดว่ายน้ำขนาดเล็ก 2 ชิ้น โดยที่ชิ้นบนยาวลงมาเหนือสะดือ และชิ้นล่างเสมือนกางเกงใน แล้วเรียกชื่อมันว่า "The Atom" ตามชื่อระเบิดนิวเคลียร์ที่ทำลายล้างประเทศญี่ปุ่น

แต่ 3 สัปดาห์ต่อมา อดีตวิศวกรเครื่องยนต์ที่ผันตัวมาเป็นดีไซน์เนอร์ชุดว่ายน้ำชาวฝรั่งเศสอีกคนที่ชื่อ หลุยส์ เรอาร์ด (Louis Réard) ก็ได้ออกคอลเลกชันชุดว่ายน้ำขนาดเล็ก 2 ชิ้นเช่นกัน เรอาร์ด ตั้งชื่อผลงานของตัวเองว่า "บิกินี" ตามชื่อ บิกีนี อะทอลล์ เพราะในขณะนั้น ชื่อหมู่เกาะแห่งนี้เริ่มเป็นที่รู้จักเพราะการเริ่มทดลองระเบิดนิวเคลียร์มากขึ้นแล้ว

ความโดดเด่นของชุดว่ายน้ำ "บิกินี" คือไซซ์ที่เล็ก จิ๋ว โชว์เนื้อหนังมากกว่า "อะตอม" และนั่นทำให้คอลเลกชันชุดว่ายน้ำจิ๋ว 2 ชิ้นของ หลุยส์ เรอาร์ด เป็นที่รู้จักและเรียกชื่อกันต่อๆ มาว่า "บิกินี"

จากนิวเคลียร์สู่อะนิเมชัน

บางคนอาจเคยได้ยินชื่อ "Bikini Bottom" ซึ่งเป็นบ้านของ SpongeBob SquarePants ตัวการ์ตูนอะนิเมชันที่มีหัวเป็นฟองน้ำสี่เหลี่ยมสีเหลือง ซึ่งชื่อของโลกใต้น้ำของตัวการ์ตูนสุดแหวกแนวนี้ อิงจากสถานที่จริงในมหาสมุทรแปซิฟิก และเป็นอีกแห่งที่มีประวัติศาสตร์อันมืดมน "บิกินี อะทอลล์"

SpongeBob SquarePants สร้างโดย สตีเฟน ฮิลเลนเบิร์ก ผู้สอนชีววิทยาทางทะเล โดยมีนักมานุษยวิทยา ฮอลลี บาร์เกอร์ อธิบายเพิ่มเติมว่ามาจาก บิกินี อะทอลล์ ในชีวิตจริงที่เป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะมาร์แชลล์ ที่ถูกสหรัฐฯ ทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ในยุคสงครามเย็น

แรงระเบิดของนิวเคลียร์ที่ทดลองที่ บิกินี อะทอลล์ สร้างความรุนแรงไปถึงชาวประมงในทะเลญี่ปุ่น และเกิดความเสียหายตามมาจากการกระจายของกัมมันตรังสี ทำให้ชาวญี่ปุ่นไม่พอใจมาก จนเป็นแรงบันดาลใจให้บริษัทญี่ปุ่นสร้างภาพยนตร์เรื่อง "ก็อดซิลลา" ที่ผันชื่อมาจากตำนานสัตว์โบราณของญี่ปุ่นที่ชื่อ "โกจิระ" เนื้อหาเกี่ยวกับการทดลองนิวเคลียร์ที่ไม่มีความรู้มากพอจนไปปลุกอสูรร้ายตื่นขึ้นมาทำลายบ้านเมือง