วันนี้ (19 พ.ค.2567) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่นายกฤษฎางค์ นุตจรัส (ทนายด่าง) ทนายความของ น.ส.นิติพร เสน่ห์สังคม (บุ้ง) ระบุว่า สาเหตุของการเสียชีวิตของ น.ส.นิติพร เนื่องจากมีการใส่ท่อช่วยหายใจผิดว่า ขอให้รอฟังความชัดเจนจากแพทย์ผู้ให้การรักษา ซึ่ง พล.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ระบุว่าในวันจันทร์นี้ (20 พ.ค.) จะให้ข้อมูลกับครอบครัวในเรื่องดังกล่าว ขอให้สังคมตั้งสติและรอฟังข้อมูลจากกรมราชทัณฑ์
ส่วนกรณีการเสียชีวิตของ นส.เนติพร ที่ถูกนำไปโยงกับคดี ม.112 นั้นนายพิธา กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวต้องแยกกัน เพราะการแก้ไข ม.112 กับการปฏิรูปสถาบันก็เป็นสิ่งที่ น.ส.นิติพร เรียกร้อง แต่การที่ต้องอดอาหารเวลานานเป็นการเรียกร้องสิทธิการประกันตัวเพราะการถูกฝากขังยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์จึงได้ตัดสินใจอดอาหารประท้วง
ส่วนที่ น.ส.นิติพร เคยได้รับสิทธิ์การประกันตัวแล้วแต่กระทำผิดซ้ำในคดีทำร้ายเจ้าหน้าที่ศาลจึงถูกถอดสิทธิ์การประกันตัวนั้น นายพิฐา กล่าวว่า ตนไม่สามารถตอบแทนได้เพราะ น.ส.นิติพร เสียชีวิตไปแล้ว แต่ถ้าจะให้เดาเชื่อว่า น.ส.นิติพร ไม่ได้ต่อสู้เพื่อตัวเองเพียงคนเดียวแต่ต่อสู้เพื่อเพื่อนและเสรีชนที่มีความคิดแบบเดียวกันว่า ทุกคนเสมอภาคตามกฎหมาย และการขังคน 2-3 เดือน โดยที่เขาไม่มีความผิดเป็นเรื่องที่เขาติดใจและเรียกร้อง ไม่ใช่เพื่อตัวเองคนเดียวแต่เพื่อคนไทยทุกคน
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุผลที่ สส. พรรคก้าวไกล ไม่ออกมาเคลื่อนไหวในช่วงที่ น.ส.นิติพร ออกมาเรียกร้องแต่กลับมาแสดงความเห็นในช่วงที่ น.ส.นิติพร เสียชีวิตไปแล้ว ถือเป็นการฉกฉวยหรือไม่ นายพิธากล่าวว่า ไม่ใช่การฉกฉวยแน่นอน เพราะการเคลื่อนไหวของเยาวชนมีอิสระเป็นของตัวเองไม่ได้ยึดโยงพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งแต่พรรคก้าวไกล เชื่อในหลักนิติรัฐนิติธรรม เชื่อในสิทธิ์การประกันตัวและสิทธิ์การเข้าถึงทนายแต่ไม่ได้หมายความว่า พรรคก้าวไกลกับกลุ่มเยาวชนเห็นไปในทิศทางเดียวกันทุกเรื่อง
หากฝั่งตรงข้ามถูกฝากขัง เราก็จะออกมาพูดเรื่องนี้เช่นเดียวกัน ไม่ใช่การฉกฉวยผลประโยชน์ทางการเมืองแต่อย่างใด ไม่เรื่องนั้นอยู่ในหัว เป็นการให้เกียรติครอบครัวผู้เสียชีวิตมากกว่า
นายพิธา ยังกล่าวว่า มีข้อเรียกร้อง 5 ข้อ คือ ความโปร่งใสชัดเจนจากทางราชทัณฑ์ ระบบยุติธรรมที่แต่เริ่มตั้งแต่ตำรวจและอัยการ ซึ่งหาก 2 หน่วยงานนี้ได้รับนโยบายจากรัฐบาล ไม่เอาผิดผู้เห็นต่างทางการเมือง และมองผู้ที่มีความเห็นต่างกับผู้มีอำนาจเป็นเรื่องปกติ อาจจะชะลอและรับฟังความเห็นจากรัฐบาลหรือนายกรัฐมนตรีที่กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทั้งนี้ มองว่า 3 เสาหลักของประเทศทั้งศาล ฝ่ายนิติบัญญัติและบริหาร น่าจะพูดคุยกันเพื่อหาทางออกในเรื่องนี้
ขณะที่เรื่องกฎหมายนิรโทษกรรม ต้องรีบผลักดันให้ออกมาเร็ว ไม่ควรแยกกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งออก และไม่ควรผลักอนาคตของชาติออกไปจนไม่มีพื้นที่เหลือให้พูดคุยกัน จนต้องเอาชีวิตตัวเองมาเสี่ยงแบบนี้ ตนหวังว่า เหตุการณ์นี้จะเป็นครั้งสุดท้าย เพราะเชื่อว่า หากต้นทางถึงปลายทางเห็นตรงกันเราจะหยิบฟืนออกจากกองไฟทางการเมืองได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคก้าวไกลจะเข้าไปพูดคุยกับบุคคลที่ยังอดอาหารหรือไม่หลังสูญเสีย น.ส.นิติพรไปแล้วนายพิธาระบุว่า เราพยายามพูดคุยมาโดยตลอด 3 ปีที่ผ่านมาว่า ไม่อยากให้เอาชีวิตไปเสี่ยงแต่เราไม่สามารถก้าวก่าย ความมุ่งมั่นและความเด็ดเดี่ยวและจิตใจของเขาได้ เพราะตนไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว
แต่หากมีโอกาสได้เข้าไปเยี่ยม ให้เอาชีวิตตัวเองก็จะบอกว่า ให้เอาชีวิตตัวเองมาก่อนการต่อสู้ เพราะยังอีกยาวนาน แต่เขาจะฟังหรือไม่ถือเป็นสิทธิ์ของเขา เพราะบางครั้งการเลือกทำแบบนี้อาจจะเพื่อให้สังคมได้รับรู้ข้อเรียกร้อง
ส่วนอีกคนที่น่าเป็นห่วงคือ น.ส.ทานตะวัน นั้น จำเป็นจะต้องพูดคุยหรือไม่ นายพิชากล่าวว่าเท่าที่ทราบขณะนี้ถูกย้ายตัวมาที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ แล้ว ซึ่งอยากให้ น.ส.ทานตะวัน คิดถึงภาพรวมซึ่งตนทราบดีว่าตอนนี้เสียใจกับการสูญเสีย แต่ชีวิตของตัวเองเป็นเรื่องสำคัญฝากถึงคุณพ่อคุณแม่ทานตะวันไว้ด้วย
อ่านข่าว
"ราชทัณฑ์" ยืนยันรักษา "บุ้ง" ตามมาตรฐานวิชาชีพ อย่างเต็มที่
ทนายชี้ รพ.ราชทัณฑ์ใส่ท่อช่วยหายใจในหลอดอาหารปม "บุ้ง" ตาย
"บุ้ง" ตายก่อนถึง รพ.ธรรมศาสตร์ ใบมรณบัตรชี้ "หัวใจล้มเหลว"