ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

"เศรษฐา" เยือน Zegna แบรนด์แฟชันดัง ขายผ้าย้อมครามสู่อินเตอร์

ต่างประเทศ
18 พ.ค. 67
12:02
215
Logo Thai PBS
"เศรษฐา" เยือน Zegna แบรนด์แฟชันดัง ขายผ้าย้อมครามสู่อินเตอร์
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
"นายกรัฐมนตรี" เยือนอิตาลี หารือ Zegna แบรนด์แฟชันดัง โชว์ผ้าย้อมครามสกลนคร ดันสู่อินเตอร์ พร้อมคุยบริษัท Leitner สนใจทำกระเช้าภูกระดึง แต่ยันต้องศึกษาความเห็นรอบด้าน

วันนี้ (18 พ.ค.2567) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ภารกิจวันแรกของการเยือนสาธารณรัฐอิตาลีอย่างเป็นทางการ โดยช่วงเช้าวันนี้ นายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปเยี่ยมชมโรงงาน Zegna บริษัทแบรนด์แฟชั่นของอิตาลีขนาดใหญ่ และมีชื่อเสียงสำคัญ เป็นบริษัทผลิตผ้าทั้ง Wool Cashmere ผ้าฝ้าย ผลิตให้บริษัทใหญ่หลายแบรนด์ดัง เช่น Dior Hermes มีร้านค้าที่พารากอน และจะเปิดสาขาอีก โดยเชื่อว่าเป็นบริษัทที่ประสบความสำเร็จในไทย มีความเข้าใจในตลาดและเข้าใจความเป็นไทย ผูกพันกับประเทศไทย

นายกรัฐมนตรี ได้นำผลิตภัณฑ์ผ้าย้อมครามจาก จ.สกลนคร มาเสนอ ซึ่งทางบริษัทจะส่งผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้ไปสำรวจว่ามีความเป็นไปได้หรือไม่ ที่จะนำผ้าย้อมครามมาผลิตภายใต้แบรนด์ของเขา เพื่อทำเป็นผลิตภัณฑ์มาขาย

โดยผ้าย้อมคราม อยู่ภายใต้โครงการในพระดำริของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา เป็นความภาคภูมิใจของสินค้าพื้นเมืองที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน และสามารถนำมาเป็นส่วนหนึ่งของสินค้าของ Zegna ที่กระจายสินค้าไปทั่วโลกได้ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะในอีก 2 สัปดาห์ทางบริษัทจะเดินทางไปประเทศไทย

การหารือกับผู้บริหารบริษัท Loro piana ซึ่งเป็นบริษัทใหญ่ที่สำคัญ ผลิตเสื้อ ผ้าสำหรับประเทศในอากาศหนาว 7 เดือนที่ผ่านมาได้ไปเปิดสาขาพารากอน จึงเป็นอีกเหตุผลที่นายกรัฐมนตรีได้พบกับ Loro Piana บริษัทมีความเข้าใจด้านแฟชั่นไทย

นายกรัฐมนตรี จึงได้นำเครื่องจักสาน และผ้าย้อมครามของโครงการดอนกอยมานำเสนอ ปัจจุบันหากมีการเปิดผลิตภัณฑ์ใหม่ร้านค้ามักจะเปิด Pop-up Store เป็นร้านชั่วคราวในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยว

ในช่วงบ่าย นายกรัฐมนตรีหารือกับ นายคาร์โล คาปาซา ประธานหอแฟชั่นอิตาลีแห่งชาติ เป็นการรวมตัวกันของสินค้าแบรนด์ไฮเอนของอิตาลี เป็นสมาคมที่แน่นแฟ้นมีการพูดคุยกันตลอดเวลา โดยนายกรัฐมนตรีได้เสนอให้มีการแลกเปลี่ยนความรู้ มีเอ็กซ์ซิบิชั่น โรงเรียนสอนที่มิลาน พร้อมพูดคุยให้พานักเรียนไทยมาเรียนต่อที่อิตาลี และช่วยเหลือไทยในการจัดแฟชั่นโชว์ลักษณะเดียวกับมิลานแฟชั่นโชว์ ให้นำดีไซเนอร์ที่กำลังมีชื่อเสียงและเป็นรุ่นต่อไปที่มีชื่อเสียงไปไทย

 

คุยบริษัท Leitner สนทำกระเช้าภูกระดึง 

หลังจากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้พบหารือผู้บริหารบริษัท Leitner ซึ่งเป็นบริษัทผลิตกระเช้าลอยฟ้า ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน ซึ่งมีระบบการก่อสร้างที่ใช้เวลาเพียง 6 เดือน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยในการทำรถกระเช้าจะมีช่วงการผ่านป่าสาธารณะจึงเป็นประโยชน์กับไทย

บริษัททราบว่าประเทศไทย มีความสนใจที่จะทำกระเช้าลอยฟ้าภูกระดึง แต่รัฐบาลจะต้องทำการศึกษาความคิดเห็นประชาชนก่อน

นายกรัฐมนตรีได้พูดถึงประเด็นนี้ว่า อาจจะต้องปรึกษาทางบริษัทว่านอกเหนือจากภูกระดึงยังมีความสนใจที่จังหวัดใดอีกบ้าง เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวและเป็นตัวเลือกที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม

ภารกิจสุดท้าย นายกรัฐมนตรีได้พบหารือกับผู้ว่าแคว้นลอมบาร์เดีย ซึ่งเป็นแคว้นที่มี GDP สูงที่สุดในอิตาลี มีความสำคัญในด้านเกษตรอิเล็กทรอนิกส์ และมีการพูดคุยกันเพื่อสนับสนุนการลงทุนระหว่างกัน

ทั้งนี้เอกอัครราชทูตไทยประจำอิตาลีจะทำงานร่วมกับประธาน TTR และเลขาธิการ BOI จัดทีมงานเสนอแนะการลงทุนในไทยว่าไทยมีมาตรการสนับสนุนยังไงบ้าง โครงการสำคัญ โครงสร้างพื้นฐาน เพื่อให้เกิดความร่วมมือด้านการลงทุนระหว่างกัน

"จิราพร" ชูโครงการดอนกอยโมเดล

ด้าน น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลหารืออุตสาหกรรมแฟชั่น และ Soft Power ซึ่งทางรัฐบาลได้นำโครงการในพระดำริของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา มาขยายผลต่อยอดจากโครงการดอนกอยโมเดล จ.สกลนคร ที่เป็นการส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่นไทยในการผลิตผ้าย้อมครามจากวัสดุธรรมชาติ ให้เป็นที่รู้จักในเวทีระดับโลก

น.ส.จิราพร กล่าวว่า โครงการดอนกอยโมเดล เป็นโครงการกลุ่มผ้าทอต้นแบบ ของอ.พรรณานิคม จ.สกลนคร จากพระดำริสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ที่สนับสนุนโดยกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย และสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ ดำเนินงานตามพระราช ดำริผ้าไทยใส่ให้สนุกมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพผ้าของชุมชนบ้านดอนกอย ไปสู่การเป็นชุมชนต้นแบบของประเทศ

ปัจจุบันมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าทอย้อมครามลวดลายใหม่ ๆ มีดีไซน์ที่ทันสมัย และเฉดสีที่อิงเทรนด์แฟชั่น สร้างรายได้ให้กับคนในชุมชนไม่ต่ำกว่า 10,000 บาทต่อคนต่อเดือน และได้มีการพัฒนาสู่การเป็นโครงการต้นแบบที่ยั่งยืน ด้วยการก่อตั้งศูนย์เรียนรู้ผ้าย้อมครามบ้านดอนกอยวิชชาลัยดอนกอย  

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง