วันนี้ (14 พ.ค.2567) นายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. นัดสื่อมวลชนกว่า 50 สำนัก มาชี้แจงถึงการดำเนินการของสื่อมวลชน เพื่อทำความเข้าใจถึงการรับสมัครเลือกตั้งวุฒิสภา (สว.) โดยใช้เวลาในการชี้แจงและถามตอบ 1.30 ชั่วโมง
นายแสวง กล่าวถึงการเลือก สว.ที่กำหนดปฏิทินการเลือกออกมาแล้วว่า กกต.ให้ตนมายืนยันกับประชาชนว่าจะได้สมาชิกวุฒิสภา 200 คนพร้อมสำรองตามกำหนดเวลา 60 วันอย่างแน่นอน และไม่มีข้อกฎหมายใดที่จะประวิงเวลา หรือเลื่อนให้ได้ สว. 200 คน ออกไปจากไทม์ไลน์ ที่ได้กำหนดไว้ พร้อมย้ำว่า กกต. ต้องทำตามกฎหมาย
“บางครั้งเราไม่ได้เห็นต่างจากประชาชน แต่ที่ยืนเราต่างกัน สส.เลือกจากอนาคต แต่วุฒิสภาเลือกจากอดีต พูดสั้นๆ คือเลือกคนดี เพื่อไปเป็นตัวแทนปวงชนชาวไทย การแบ่งกลุ่ม การเลือกไขว้ ไม่เป็นไปตามกฎหมาย เราไม่ได้คิดกติกาขึ้นมาเอง เลือกตั้งครั้งนี้คงทำอะไรไม่ได้ แต่ถ้าเห็นว่าไม่ได้ผลตามที่อยากได้ เราต้องแก้ครับ” นายแสวง กล่าว
อ่านข่าว : กกต.เคาะสมัคร สว. 20-24 พ.ค. เลือกระดับอำเภอ 9 มิ.ย.
แสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.
เลขา กกต. กล่าวว่า สิ่งที่กังวลว่าจะทำให้เลือก วุฒิสภาไม่ได้ตามเวลา คือเรื่องคุณสมบัติ หรือขั้นตอนลงคะแนนแล้วไม่ได้ 5 คน หรือคนสมัครน้อย หรือเลือกแล้วกระบวนการเลือกไม่ชอบ กฎหมาย ได้รองรับเอาไว้ทุกเรื่อง เช่น เรื่องคุณสมบัติมีวิธีทำอยู่ 2 เรื่อง คือเอกสารเท็จทั้งใบสมัครและเอกสารประกอบ หากเป็นเท็จจะได้ใบดำ เพิกถอนการรับสมัคร หรือไม่รับสมัคร
ซึ่งศาลต้องมีคำสั่งก่อนวันเลือก 1 วัน และถ้าศาลมีคำสั่งไม่ทัน ก็เลือกไปเลยเท่าที่มีในบัญชีที่ ผอ.เลือกเป็นคนประกาศ แม้ศาลจะคืนสิทธิ์อย่างไรในตอนหลัง ก็ไม่กระทบในสิ่งที่ทำไปแล้ว ดังนั้นเดินหน้าได้ตลอด หรือหากประกาศให้เป็นผู้สมัครไปแล้ว ไปเจอตอนหลังว่าผิด ลบชื่อได้ทุกชั้นจนถึงระดับประเทศ และกฎหมายรองรับว่าไม่กระทบกับสิ่งที่ได้ดำเนินการไปแล้วเช่นกัน ฉะนั้นเรื่องคุณสมบัติจึงไม่ประเด็นในการที่จะทำให้การเลือกตั้งขยายเวลาออกไป ไม่ว่ากรณีใดๆ
ส่วนอีกปัจจัยที่คนกังวล เป็นการร้องคัดค้านเกี่ยวกับกระบวนการเลือกตั้ง ที่อาจจะส่งผลให้การเลือก ล่าช้านั้นนายแสวง กล่าวว่า ในระหว่างการนับคะแนนให้สิทธิ์ท้วงได้ หากเห็นว่าคณะกรรมการเลือกทำหน้าที่ไม่ชอบมาพากลหรือนับคะแนนผิดจากสิ่งที่แสดงให้เห็น ซึ่งกรรมการก็จะวินิจฉัยในวันนั้นทันที ถ้าไม่พอใจก็ไปร้องศาลฎีกาได้ และศาลฎีกาต้อง ตัดสินให้เสร็จก่อน 1 วัน หากตัดสินไม่เสร็จ ก็เดินหน้าเลือกต่อไป และ ไม่ผูกพันกับสิ่งที่ดำเนินการไปแล้ว
เมื่อมาดูตามกระบวนการต่างๆจึงไม่มีช่องไหนที่จะทำให้การเลือก สว. ครั้งนี้เกินโรดแมปแม้แต่วันเดียว เราจะได้ สว.200 คนแน่นอน การประกาศ สว. ต้องประกาศ 200 คน ถ้าได้ 200 คน ตอนนั้นใครมาถูกสอยทีหลังด้วยเรื่องคุณสมบัติ หรือกระบวนการของการทุจริต พูดภาษาชาวบ้านก็ถูกสอย ก็มีสำรอง
วิธีสำรองก็คือ มีสำรองกลุ่มละ 5คน ครั้งแรกให้เรียกจากกลุ่มตัวเองก่อน ถ้าหมดก็ไปเรียกจากกลุ่มอื่น โดยใช้วิธีจับฉลากจนเกลี้ยง ถ้าให้สว.มีเท่าที่มีอยู่ แต่ต้องไม่น้อยกว่าจริง 1 คือไม่น้อยกว่า 100 คน และถ้าเวลายังเหลือ เกิน 1 ปีก็ให้ กกต. จัดการเลือกให้ครบ ดังนั้น ยืนยันประเทศชาติเดินหน้าได้แน่นอน ไม่ต้องกังวล เพราะรัฐธรรมนูญออกมาได้ครอบคลุมทุกประเด็น จึงไม่จำเป็นหรือกังวลว่าจะไม่ได้ สว.ภายในเวลา หรือไม่ได้ แล้วจะได้จำนวนเท่าไหร่ ด้วยเงื่อนไขแบบนี้ กกต. สามารถประกาศได้ 200 คน ตามไทม์ไลน์แน่นอน
สำหรับที่มีการร้องเรื่องการซื้อเสียงนั้น เลขา กกต. กล่าวว่า เรื่องการซื้อเสียงเป็นเรื่องที่จะต้องพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ว่ามีการกลั่นแกล้งกันหรือไม่ เราก็จะพยายามทำให้เร็วที่สุดในส่วนคำร้องเรื่องการทุจริต ส่วนที่มีกันฮั้วหรือจะตั้งกันมานั้น สำนักงาน กกต. ได้ดูแลความเคลื่อนไหวมาโดยตลอด ว่ามีการดำเนินการ หรือแอบทำหรือไม่ ก็จะตามไปดู
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าเป็นเรื่องยาก แต่ความเคลื่อนไหวอย่างนี้กฎหมายได้ออกแบบเพื่อป้องกันการทุจริตไว้ในระดับหนึ่งแล้ว แต่เราก็ต้องมีมาตรการที่จะดูแลเรื่องเหล่านี้ด้วย ในการที่จะทำให้การเลือก สว.เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
อ่านข่าว : กางปฏิทิน "เลือก สว." ชุดใหม่ เช็ก "วิธี-เอกสาร" สมัครรับเลือก มีอะไรบ้าง
เลขา กกต. กล่าวด้วยว่าขณะนี้ กกต.ได้แก้ไขระเบียบให้ผู้สมัคร สว.สามารถแนะนำตัวทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น tiktok Facebook YouTube Instagram สามารถทำได้ แต่สาระของการแนะนำตัวให้เป็นไปตามกฎหมายเท่าที่ตามแบบ สว. 3 เท่านั้น
เลขา กกต. ยืนยันว่าสำนักงาน กกต.ได้ทำหลายอย่างตามกฎหมาย เพราะกรรมการต้องทำตามกฎหมาย และทำเพื่อประชาชน ยืนยันว่าพร้อมรับฟังความคิดเห็นทุกความคิดเห็น ไม่มีใครใหญ่กว่าใคร ขอให้ยืนอยู่บนหลักการมีประโยชน์และเป็นธรรม เราก็พร้อมที่จะนำมารับฟังปรับปรุงแก้ไขเท่าที่ทำได้ ซึ่งต้องยอมรับว่าการเลือก สว.ครั้งนี้มีความสลับซับซ้อน สังคมมีความเห็นต่าง มองในสิ่งที่ตัวเองต้องการเห็น สิ่งที่จะทำให้เราเดินไปถึงจุดหมายร่วมกันได้ก็คือกติกา ดังนั้นหากมีความคิดเห็นบนพื้นฐานของกติกา เรื่องจะง่าย ยืนยันว่าเป็นไปตามกฎหมายเป็นธรรม ให้โอกาสคนทั่วไป
สำหรับการปฏิบัติตัวของสื่อนั้น เลขา กกต. ยืนยันว่าไม่มีระเบียบไหนที่กระทบกับการทำงานของสื่อ โดยยังคงสัมภาษณ์เรื่องทั่วไปได้ แต่ตัวผู้สมัครห้ามแนะนำตัวเอง ว่าลงสมัครเบอร์นั้นเบอร์นี้ ขณะที่สื่อที่ไปลงสมัคร ก็ยังคงทำหน้าที่ได้ตามปกติ แต่ต้องไม่ไปแนะนำตัวหรือบอกคุณสมบัติของตัวเอง จึงไม่ได้ลิดรอนการทำงานของสื่อแต่อย่างใด
เลขา กกต. กล่าวด้วยว่าประชาชนสามารถติดตามข้อมูลผู้สมัคร สว. ได้ 2 ช่องทาง ภายหลังปิดรับสมัคร กกต.จะเปิดเผยทุกรายชื่อ ทุกกลุ่ม ทุกจังหวัดทั่วประเทศ ว่าใครลงสมัครอย่างไรมีประวัติและมีประสบการณ์ในการทำงานอย่างไรทาง Application Smart vote และ เว็บไซต์ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งหากประชาชนเห็นว่าคนไหนมีลักษณะต้องห้าม ก็สามารถ ให้ข้อมูลกับกกต.ได้
เมื่อถามว่าคณะหรือองค์กร อย่างคณะก้าวหน้าและไอลอว์สามารถแนะนำผู้สมัคร ได้เหมือนกับสื่อเลยหรือไม่นั้น นายแสวง กล่าวว่าทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย ขอให้ระวังตัวเองก็แล้วกัน เพราะคำว่า สื่อหรือผู้อื่นคือคนเดียวกัน หากรู้เห็นเป็นใจในการทำให้การเลือกไม่สุจริตและเที่ยงธรรม ก็จะต้องได้รับโทษตรงนั้น ซึ่งต้องดูข้อเท็จจริงในการวินิจฉัย
ถ้าผู้สมัครไม่สบายใจ ต้องบอกว่าอย่ามาทำให้ตน แต่หากรับประโยชน์ตลอด ก็ต้องพิสูจน์ว่ารู้เห็นเป็นใจหรือไม่ ยืนยันการรณรงค์และเชิญชวนไม่ได้ผิดอะไร ไม่ได้บอกว่าใครมีอาชีพอะไร ทำได้ทั้งนั้น แต่อย่าไปช่วยเหลือหรือแนะนำตัวในสิ่งที่ผิด เพราะระเบียบแนะนำตัวให้ผู้สมัครดูแลตัวเอง ก็ต้องดูว่าใครช่วยเขาได้บ้าง ดังนั้น สื่อทำหน้าที่ตามปกติ แต่ผู้สมัครก็จะต้องดูแลตัวเอง โดยทั้งหมดต้องอยู่ที่ข้อเท็จจริงจะวินิจฉัยอะไรตอนนี้ไม่ได้
ส่วนจะได้วุฒิสภาหน้าตาอย่างไรนั้น เลขา กกต. กล่าวว่า คงตอบแทนทุกคนไม่ได้ ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกคนในชาติ เพื่อให้เป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญออกแบบเอาไว้ โดย กกต.จะมีมาตรการเกี่ยวกับการเลือกเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ความสุจริต เที่ยงธรรม ซึ่งรัฐธรรมนูญมาตรา 107 ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภามาจากการเลือกกันเองของบุคคลซึ่งมีความรู้ความเชี่ยวชาญมีประสบการณ์ มีอาชีพลักษณะ หรือประโยชน์ร่วมกัน หรือทำงานด้านต่างๆ ที่หลากหลายของสังคม
ซึ่งหมายความว่า ไม่ได้เลือกจากคะแนนนิยม ไม่เหมือน สส.ที่เลือกจากคะแนนนิยมในการเสียง แต่เนื่องจากคือคนที่มีลักษณะอย่างนี้ ซึ่งอยู่ในใบแนะนำตัว โดยเลือกจากอดีตซึ่ง กกต. ทำในสิ่งที่คนอื่นคิดและทำไว้ตามรัฐธรรมนูญ และการเลือกตั้งครั้งนี้คงทำอะไรไม่ได้แล้ว หากเห็นว่าเลือกแล้วไม่ได้ผลอย่างที่อยากจะได้ ก็ต้องแก้ไข ซึ่งเป็นหน้าที่ของผู้มีอำนาจและเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนที่จะต้องไปพิจารณาเรื่องนี้ ว่า สว.ที่ออกแบบไว้ ต้องการคนดี คนเด่น คนดังนั้น โดยเป้าหมายใช่แต่วิธีการไม่ได้ ก็อาจจะต้องไปแก้วิธีการ ถ้าตั้งเป้าหมายและวิธีการไม่ได้ ก็ต้องไปแก้ไขที่รัฐธรรมนูญ
เมื่อถามว่าจะมีอะไรรองรับกรณีที่ไอลอว์ ร้องศาลปกครองว่าระเบียบการเลือก สว. คลุมเครือ อย่างไรนั้น เลขา กกต.กล่าวว่า รอดูวันที่ศาลมีคำวินิจฉัยไม่ได้มีความเห็นในเรื่องนี้ แต่ตนได้ย้ำตั้งแต่ตอนแรกว่า ให้กลับไปดูที่กฎหมายก่อน ว่ากฎหมายให้ทำอะไรได้มากน้อยแค่ไหน เพราะกฎหมายให้เราทำอะไรได้ แค่นี้ เราไม่ได้เป็นคนคิดกฎหมาย
ทั้งนี้ การแก้ไขระเบียบในครั้งนี้เป็นเพราะได้รับฟังความเห็นจากประชาชน จึงมีการแก้ไขเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วม ขณะเดียวกันในการเลือกทุกระดับ ประชาชนสามารถติดตามได้ โดย กกต.มีกล้องวงจรปิดถ่ายทอดบรรยากาศการเลือก และย้ำว่าสำนักงาน กกต. ทำให้การเลือกเป็นไปด้วยความเรียบร้อยสุจริตและเที่ยงธรรม
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าประชาชนสามารถสมัครเข้าไปเพื่อโหวตโดยไม่เลือกตนเองได้หรือไม่นั้น นายแสวงกล่าวว่า สามารถทำได้เพราะในกฎหมายระบุไว้ว่า ผู้สมัครมี 2 คะแนนสามารถเลือกตนเองก็ได้หรือเลือกบุคคลอื่นก็ได้
สำหรับการตรวจสอบหุ้นของผู้สมัคร ที่ อาจทำให้การตรวจสอบคุณสมบัติล่าช้านั้น นายแสวงกล่าวว่าการตรวจสอบเรื่องการถือหุ้นไม่ได้ซับซ้อน ถ้าอยู่ในหน่วยงานที่เขาดูแล แต่จะช้าหากมีความซับซ้อน เช่น เป็นมรดก เป็นต้น
ไม่ได้หวังให้ใครชนะใครแพ้ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องใหม่ที่มีความซับซ้อน จึงยังไม่ชินกับสิ่งที่เกิดขึ้น
อ่านข่าว :