เมื่อวันที่ 4 พ.ค.2567 อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) หน่วยงานท้องถิ่น นักวิชาการ ตัวแทนโรงงาน บริษัทขนส่งแร่ และตัวแทนชาวบ้าน ร่วมตรวจสอบความพร้อมของอาคารพื้นที่พักคอยกากแคดเมียม
จุดหลัก คือ พื้นดินที่รองรับแร่ ระบบป้องกันการรั่วซึม และระบบรางระบายน้ำ ก่อนที่ทั้งหมดจะออกจากอาคาร และพูดคุยกันบริเวณทางเข้า-ออกอาคาร ตัวแทนชาวบ้าน ระบุว่า ยังติดใจหลังคาของอาคารรั่ว โดยกังวลว่า เมื่อฝนตกจะส่งผลกระทบโดยตรง แร่อาจรั่วซึมไปกับน้ำได้ เพราะการขนส่ง ใช้เวลานานกว่า 2 เดือน ในช่วงหน้าฝน จึงขอคำยืนยันจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงความปลอดภัย ขณะที่ ผู้ประกอบการขนส่ง เรียกร้องให้ทั้ง 2 ฝ่าย เร่งหาข้อสรุป เพราะได้รับความเสียหายจากการต้องจอดรถทิ้งไว้โดยไม่ได้รับค่าจ้าง
ด้านอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ระบุว่า เรื่องหลังคาที่กังวลมีการคุยในคณะทำงานที่ประชุมแล้ว หากซ่อมโรงงานอาจกังวลเรื่องความปลอดภัย ยืนยันว่า มาตรการต่างๆ จะสามารถป้องกันได้
ช่วงหนึ่งระหว่างการพูดคุยทำข้อตกลงกับชาวบ้าน เพื่อเคลื่อนย้ายกากแคดเมียมเข้าโกดังพักคอย ท่ามกลางอากาศร้อนจัด
อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ เกิดอาการคล้ายเป็นลมแดด ซึ่งภายหลังอาการดีขึ้นแล้ว ได้กลับมาเจรจากับชาวบ้านอีกครั้ง โดยได้ข้อสรุปว่าให้ขนย้ายกากเข้าโกดังพักคอยได้ตามแผน และให้เริ่มดำเนินการได้ทันที
ส่วนกรณีที่ ภาคประชาชน ยื่นเรื่องต่อศาลปกครองพิษณุโลก เพื่อให้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ศาลปกครองนัดไต่สวนนัดแรกวันที่ 7 พ.ค.นี้
จัดระเบียบบิ๊กแบ็กในสมุทรสาครรอย้ายไป จ.ตาก
ที่ จ.สมุทรสาคร โรงงาน เจ แอนด์ บี เมททอล เร่งทำแผ่นปิดล้อมโกดังเก็บบิ๊กแบ็กบรรจุกากแคดเมียม เพื่อรอการขนย้ายไป จ.ตาก การเคลื่อนย้ายที่เกิดขึ้นภายในโรงงาน มีเจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย คอยตรวจสอบขั้นตอนการขยับย้ายของกลาง ซึ่งบางส่วนเสี่ยงเปียกฝน หรือปนเปื้อนไปยังสิ่งแวดล้อม สำหรับการขนย้ายล็อตที่ 2 ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนจากคณะทำงาน 6 ฝ่ายของกระทรวงอุตสาหกรรม
อ่านข่าวอื่น :