ความคืบหน้ากรณีไฟไหม้โกดังสารเคมี จ.พระนครศรีอยุธยา ตั้งแต่ช่วงบ่ายวานนี้ (1 พ.ค.) จนต้องมีการอพยพผู้ป่วยและชาวบ้านออกจากพื้นที่
วันนี้ (2 พ.ค.2567) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งคืนเจ้าหน้าที่ดับเพลิงสับเปลี่ยนกำลัง เข้าไปฉีดน้ำและโฟม เพื่อควบคุมเพลิงที่กำลังลุกไหม้ อย่างต่อเนื่อง ภายในโกดังเก็บสารเคมีในพื้นที่ อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา
โดยพบเพลิงไหม้ภายในโกดังที่ 4 และ 5 จากทั้งหมด 5 โกดัง ซึ่งเป็นของกลางทางคดีที่ ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) ยึดไว้ตรวจสอบกว่า 4,000 ตัน กระทั่งเวลา 01.00 น. เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเพลิงได้สำเร็จ
อ่านข่าว เพลิงไหม้โกดังเก็บสารเคมีใน อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา
พบไฟไหม้ถังเก็บสารเคมีเสียหาย
ภาพมุมสูงที่ทีมข่าวบินสำรวจช่วงเวลา 10.00 น. ยังคงพบเห็นกลุ่มควันพวยพุ่งออกมาจากอาคารที่ 3 และ 4 ซึ่งโกดังหมายเลขที่ 4 พบโครงสร้างหลังคาได้รับความเสียหาย บ่งบอกว่า จุดนี้คือจุดที่มีเพลิงลุกไหม้หนักที่สุด
ทีมข่าวยังนำโดรนบินเข้าไปสำรวจภายในโกดังที่เกิดเพลิงลุกไหม้ภายในโกดังที่ มีรถบรรทุกพ่วงจอดอยู่ 1 คันภายในมีถังขนาด 1,000 ลิตร ตั้งอยู่เป็นจำนวนมาก รวมไปถึงด้านหลังของโกดัง มีเศษของเปลือกสายไฟกองอยู่ บริเวณนั้นมีเพลิงไหม้บางส่วนแต่ไม่ได้รับความเสียหายมาก
ถัดเข้าไปบริเวณโกดังหมายเลข 4 จุดนี้เป็นจุด ด้านหน้าของโกดัง จะพบว่าบริเวณนี้ถือว่าเป็นจุดที่ได้รับความเสียหายจากเพลิงไหม้หนักที่สุดนะครับ ถ้าสังเกตจากบริเวณนี้ก็จะพบว่าภายในมีถังเบ้า 1,000 ลิตร ถังเหล็กบรรจุสารเคมีขนาดต่างๆขนาด 200 ลิตร 60 ลิตรกระจายเต็มอยู่บริเวณโกดัง
นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าฯ พระนครศรีอยุธยา ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุและควบคุมสถานการณ์ และประสานงานให้เทศบาลตำบลภาชี อ.ภาชี นำรถดับเพลิงที่อยู่ใกล้เคียงประมาณไม่ต่ำกว่า 50 คัน เตรียมพร้อมรับเหตุ และให้บางส่วนฉีดน้ำหล่อเลี้ยง บริเวณบนหลังคาของโรงงานโกดังที่ 1 เพื่อให้ไม่เกิดความร้อนขึ้น อย่างต่อเนื่อง ซึ่งการดับเพลิงทำได้ยาก เนื่องจากสารเคมีฟุ้งกระจายเป็นวงกว้าง มีกลิ่นเหม็น และไม่ทราบว่าเป็นสารเคมีชนิดใดบ้างที่ถูกเพลิงไหม้
ขณะที่เทศบาลตำบลภาชี ต้องประกาศเสียงตามสาย ให้เร่งอพยพชาวบ้านในระยะ 3 กิโลเมตร ออกนอกพื้นที่ ส่วนโรงพยาบาลภาชี ประกาศปิดบริการทุกแผนก และอพยพผู้ป่วยใน 35 คน กระจายไปยังโรงพยาบาลใกล้เคียง 31 คน ส่วนอีก 4 คน ให้กลับบ้าน
พบพิรุธสันนิษฐานวางเพลิง
นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม ลงพื้นที่ตรวจสอบโกดังที่ถูกไฟไหม้ กล่าวว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นสันนิษฐานว่า เหตุเพลิงไหม้ อาจเกิดจากการลอบวางเพลิง เพราะโกดังแห่งนี้ เคยเกิดไฟไหม้มาแล้วหนึ่งครั้ง และพบหลักฐานชัดเจนว่าเป็นการวางเพลิง
ก่อนหน้านี้ กระทรวงอุตสาหกรรม มีแผนงานใช้งบประมาณ เพื่อนำมากำจัดสารเคมีของโกดังแห่งนี้ 69 ล้านบาท โดยจะว่าจ้างบริษัทเอกชนมากำจัด โดยจะประมูลผ่านอิเล็กทรอนิกส์ ตามระเบียบที่กระทรวงระบุไว้ เพราะเจ้าของโกดังไม่ดำเนินการ นำไปกำจัดตามระยะเวลาที่กำหนด จึงได้แจ้งความดำเนินคดี
เหตุไฟไหม้ที่โกดังเก็บสารเคมีแห่งนี้ ไม่ใช่ครั้งแรก ในรอบ 3 เดือนมานี้ เกิดเหตุเพลิงไหม้ไปแล้วทั้งหมด 3 ครั้ง
เตรียมขอหมายจับผู้เช่าโกดังเก็บสารเคมี
พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผบก.ปทส. เปิดเผยถึงการดำเนินคดีกับเจ้าของโกดังเก็บสารเคมี เกิดเหตุเพลิงไหม้อีกเป็นรอบที่ 2 ว่า ในส่วนของ บก.ปทส.ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย กลุ่มผู้ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทเอกอุทัยจำกัด พบว่า เป็นเจ้าของโกดังเก็บกากสารเคมีในพื้นที่ จ.ระยอง ที่เกิดเพลิงไหม้ก่อนหน้านี้
ผบก.ปทส.กล่าวอีกว่า ผู้ทำสัญญาขอเช่าโกดังโดยจะมีการส่งสำนวน เพื่อดำเนินกับทั้ง 2 กลุ่มใน 4 ข้อหา เช่น ครอบครองวัตถุอันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต การจัดการสิ่งปฏิกูล และมูลฝอยโดยมิได้รับใบอนุญาต ที่ผ่านมาพนักงานสอบสวนได้มีการเรียกกลุ่มผู้ต้องหาที่มี 5-6 คนมาสอบปากคำ
พบว่า 1 ในนั้น คือผู้ที่ทำสัญญาเช่าโกดังคนแรกไม่ยอมเข้าให้ปากคำ หลังจากนี้จะดำเนินการขอหมายจับ และนำหมายจับดังกล่าว ส่งพร้อมสำนวนให้อัยการจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเพื่อส่งฟ้อง
เบื้องต้นพบว่า สำนวนมีความคืบหน้า คาดว่าจะแล้วเสร็จและส่งให้อัยการฯ ได้ภายในวันที่ 10 พ.ค.นี้
ตรวจสอบมลพิษรอบโกดังภาชี
ด้าน พญ.อัจฉรา นิธิอภิญญาสกุล อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ขณะนี้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้เปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (PHEOC) เบื้องต้นยังไม่ได้รับรายงานผู้บาดเจ็บ เเละเสียชีวิต แต่มีกลุ่มควันลอยไปถึงโรงพยาบาลภาชี จึงย้ายผู้ป่วย 31 คน ไปยังโรงพยาบาล 4 แห่ง
ส่วนชาวบ้านในพื้นที่ใกล้เคียง อาจเสี่ยงได้รับผลกระทบทางสุขภาพ ทีมปฏิบัติการด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมหรือทีม SEhRT ศูนย์อนามัยที่ 4 สระบุรี เข้าสำรวจกลุ่มเสี่ยง กลุ่มเปราะบางและประเมินความเสี่ยงสุขภาพจากการสัมผัสควันไฟ เขม่า ขี้เถ้า และฝุ่นละอองจากการเผาไหม้ในชุมชนโดยรอบโกดังที่เกิดไฟไหม้
รวมทั้งสำรวจและประเมินการจัดการด้านสุขาภิบาลภายในศูนย์อพยพและโรงพยาบาลสนาม ห้ความรู้กับประชาชน ให้รู้จักวิธีการสังเกตสิ่งผิดปกติ หลีกเลี่ยง การป้องกันตนเองจากควันพิษ และสารเคมี
อ่านข่าว : หมอเด็กเตือน "ไข้หวัดแดด" จากเชื้อไข้หวัดใหญ่ช่วงหน้าร้อน