- ไทย พลิกแซงชนะ อิรัก 3 - 2 ประตู คว้าตั๋วฟุตซอลโลก สมัยที่ 7
- ปปง.ยึดบ้าน "มินนี่" มูลค่า 13 ล้านบาท ย่านบางเขน
การดับเครื่องชนแบบไม่ติดเบรกของ “บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล เมื่อวันที่ 22 เม.ย.2567 ถือว่าสั่นสะเทือนยิ่งกว่าคำให้สัมภาษณ์กับสื่อบางสำนัก เมื่อปลายเดือน ก.ย.2566 ที่ว่า “ข้อมูลผมมีมาก เปิดเมื่อไรตายกันหมดทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ”
เพราะครั้งนี้ ไม่ใช่เพียงขย่มสำนักงานตำรวจแห่งชาติเท่านั้น ยังเขย่าไปถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่เป็นองค์กรรับเรื่องราว และตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชัน
ถึงขั้น ระบุขั้นตอนวิธีการสำหรับคนที่ต้องการได้เป็น ป.ป.ช. ต้องวิ่งเข้าหาใคร ทำเอา “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แห่ง “บ้านป่ารอยต่อ” ถูกดึงเข้าไปมีเอี่ยวด้วย โดยอ้างอิงจากเอกสารหลุดที่ว่อนทั่วโลกโซเชียล
ไม่เพียงเท่านั้น “บิ๊กโจ๊ก” ยังโผล่ไปร้อง ป.ป.ช. พร้อมข้อมูลเอกสารหลักฐาน เช่น แผ่นชาร์ต ประกอบการแถลงข่าว แบบร่ายยาวกับสื่อมวลชน ระบุร้องทุกข์กล่าวโทษนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบ และร้องทุกข์กล่าวโทษพนักงานสอบสวนทั้งชุด ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อขัดขวางไม่ให้เขาได้รับแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)
การ “ทิ้งบอมบ์” ดังกล่าว หากเป็นจริงอย่างที่กล่าวอ้าง หรือแค่อาจเป็นจริงบางส่วน ก็สะท้อนความฉาวโฉ่ ในขั้นตอนและกระบวนการที่เกิดขึ้น ชนิดต้องสังคายนากันใหม่
เพราะความศรัทธาเชื่อมั่นของประชาชนจะไม่มีเหลือ ทั้งต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่องวิวาทะ และการแฉข้อมูลเส้นเงินที่พัวพันกับเว็บพนันออนไลน์มูลค่ามหาศาล โยงใยกับทั้งตำรวจและคนใกล้ชิดทั้ง 2 ฝ่าย
ขณะที่ในส่วนของ ป.ป.ช. หากเป็นไปตามหนังสือร้องเรียนของ “บิ๊กโจ๊ก” ที่มีถึง ป.ป.ช. เรื่องให้ตรวจสอบ ป.ป.ช.บางคน และคัดค้านไม่ให้เป็นหนึ่งในผู้พิจารณาคดีกล่าวหา “บิ๊กโจ๊ก” ที่ถูกส่งมายัง ป.ป.ช.แล้ว
เพราะมีเรื่องกินแหนงแคลงใจกันมาก่อน สะท้อนความไม่โปร่งใสในองค์กร ตั้งแต่ขั้นตอนการสรรหา เรื่องมีเด็กฝากจากผู้มีบารมีและอำนาจ เมื่อได้แล้วก็ปวารณาตนเอง พร้อมจะทำหน้าที่ปกป้องผู้ที่มีบุญคุณและให้การช่วยเหลือ
ป.ป.ช. เคยมีปัญหาความเชื่อถือศรัทธาจากประชาชนมาตลอด และหนักมากเมื่อครั้ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ขณะเป็นรองนายกฯ ถูกร้องเรียนกรณีแหวนแม่ นาฬิกาเพื่อน กว่า 20 เรือน ไม่มีในรายการแสดงบัญชีทรัพย์สินหนี้สิน ก่อนที่ในท้ายที่สุด ก็ยุติเรื่องเฉยๆ อ้างว่านาฬิกาหรูดังกล่าว เป็นการยืมทรัพย์คงรูปจากเพื่อนสนิท ไม่ต้องแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน
ตามด้วยงานเข้า ป.ป.ช.อีกรอบ เมื่อนักข่าว The Matter และนายวีระ สมความคิด ประธาน คปต.ใช้ช่องทาง พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสาร ให้ ป.ป.ช.เปิดเผยเอกสารผลสอบคดีนี้ แต่กลับปล่อยให้ยื้อคาราคาซัง
แม้จะมีคำสั่งของศาลปกครองสูงสุด ให้ส่งมอบเอกสารทั้ง 3 รายการ รวมทั้งความเห็นของปปช.ทุกคนที่รับผิดชอบเรื่องนี้ แต่สุดท้าย มีเส้นดำขีดทับปกปิดข้อมูล กระทั่งนายวีระจะล่ารายชื่อ 2 หมื่นคนถอดถอน ป.ป.ช. และขู่ฟ้องศาลอาญาคดีทุจริตมาแล้ว
ท่ามกลางคำถาม เหตุใด ป.ป.ช.จึงพยายามยื้อเรื่องนี้ หรือพยายามปกป้องใครบางคนที่อาจมีบารมี จนป.ป.ช.ต้องเกรงขาม เหมือนกรณี “บิ๊กโจ๊ก” อ้างถึง ป.ป.ช.บางคน ที่เขาพาไปพบนายพล ป.เพื่อให้ช่วยสนับสนุน จนกระทั่งได้เป็นสมใจอยาก
คำถามดังๆ ที่ตามมา เมื่อทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) และ ป.ป.ช. ถูกสาวไส้พฤติการณ์จนแทบไม่มีอะไรเหลือหลอเช่นนี้แล้ว จะปล่อยให้ยืดเยื้อคาราคาซังต่อไปทำไม
ฟันได้ต้องรีบฟันอย่าให้เหลือเป็นเยี่ยงอย่าง ดีไหม?
วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา
อ่านข่าว : หามส่ง 3 จนท.ทับลาน "ฮีทสโตรก" ลงเขา 4 กม.