เลือดเข้าตา หรือไม่ ไม่ต้องถาม ก็มีคำตอบ หลังจากเมื่อวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา มีมือมืดปล่อยเอกสารที่ลงวันที่ 17 เม.ย.2567 ของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยื่นต่อคณะกรรมการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อขอคัดค้านการปฏิบัติหน้าที่ของนายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข กรรมการ ป.ป.ช. และขอให้ตรวจสอบพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม
เนื้อหาในเอกสารสรุปได้ว่า การเข้ามานั่งในตำแหน่งของนายสุชาติ อาจมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติ ตั้งแต่เมื่อครั้งสรรหา จนเข้าสู่ตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช. และเหตุที่ต้องออกมาคัดค้าน เพราะนายสุชาติ เป็นหนึ่งในกรรมการ ป.ป.ช.ที่พิจารณาเรื่องคดีเว็บพนัน เครือข่ายมินนี่และเคย มีสาเหตุโกรธเคืองส่วนตัวกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์
นอกจากนี้ในเอกสารยังมีการอ้างชื่อของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โดยขอให้ ป.ป.ช.เรียกมาสอบในฐานะพยาน
โยนบึ้มเข้าใส่ยังไม่ทันข้ามวัน ช่วงสายวันนี้ (22 เม.ย.) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ได้เดินทางไปยื่นหนังสือ ที่ ป.ป.ช.ถึง นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการ ป.ป.ช. เพื่อร้องขอความเป็นธรรม หลังจากที่ตนเองถูกดำเนินคดี และเข้าสู่กระบวนการสอบสวนอย่างไม่เป็นธรรม นาน 6 เดือน จนถึงขั้นให้ออกจากราชการไว้ก่อน
และร้องทุกข์กล่าวโทษ “นายเศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี และพนักงานสอบสวนตำรวจที่เกี่ยวข้อง ต่อ ป.ป.ช.กรณีปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 หลังถูกสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน จากข้อกล่าวหาคดีฟอกเงินเว็บพนันออนไลน์ BNK Master
โดยแจ้งข้อกล่าวหากราวรูดกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดใน 3 ประเด็น คือ ร้องทุกข์กล่าวโทษนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบ , ร้องทุกข์ว่าการสอบสวนไม่ชอบ และ 3. ร้องทุกข์กล่าวโทษคณะพนักงานสอบสวนทั้งชุด ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวช่วงหนึ่งว่า วันนี้ถ้าผิดจริง ผมลาออกแล้ว ที่อยู่สู้แบบนี้ เพราะการสอบสวนไม่ชอบ ทำเหมือนอาญาเถื่อน นายกฯ สั่งตั้งกรรมการสอบสวน 60 วัน เรียกตัวผมมาช่วยราชการ แต่กรรมการสอบยังไม่ได้เรียกสอบ ยังสอบไม่เสร็จ นายกฯ ก็ส่งตัวกลับต้นสังกัด จากนั้นมีคำสั่ง ให้ออกจากราชการ เป็นการกลั่นแกล้งไม่ให้ผมเป็น ผบ.ตร. ถ้าผมเป็น รอง ผบ.ตร. อันดับ 6 ก็คงไม่มีปัญหา
และย้ำว่า สิ่งที่เกิดขึ้น เป็นการสอบสวนโดยไม่ชอบ เพื่อขวางไม่ให้ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เนื่องจากคดีเว็บพนันออนไลน์ ตำรวจสอบสวนไม่ชอบหลายประเด็น สอบสวนโดยไม่มีอำนาจ เพราะด้วยวงเงินหมุนเวียนในเว็บพนันก็ชัดเจนว่าเป็นอำนาจของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โดยดีเอสไอทำหนังสือถึง สน.เตาปูน ให้โอนสำนวนมาดีเอสไอ แต่ สน.เตาปูน อ้างว่าวงเงินไม่เกิน 300 ล้านบาท
ขณะที่เอกสารในการยื่นออกหมายจับลูกน้องของตน ระบุวงเงินธุรกรรม 490 ล้านบาท ชี้ให้เห็นถึงสาเหตุเพื่อเก็บสำนวนไว้เล่นงาน กะเอา “โจ๊ก” ให้ตาย ดีเอสไอจึงทำเป็นสำนวนสืบสวน คดีเว็บพนันออนไลน์ BNK ระบุเป็นคดีพิเศษ แต่พบว่า มีเจ้าหน้าที่รัฐเกี่ยวข้อง ดีเอสไอจึงส่งสำนวนไปให้ ป.ป.ช. กรณีนี้หาก ป.ป.ช.ไม่รับไว้สอบสวนเอง จะส่งสำนวนกลับมาให้ดีเอสไอดำเนินการ
“ประเด็นอำนาจการสอบสวน การออกหมายจับ ถือว่าน็อกตั้งแต่ต้น เมื่อการสอบสวนไม่ชอบ รายละเอียดเนื้อไม่ต้องพูดถึง ถือว่าล้มทั้งกระดาน คนดำเนินคดีอาจต้องติดคุกเสียเอง ..การลงโทษทางวินัยให้ผมออกจากราชการ ทำได้ แต่ตอนจบจะเป็นหนังคนละม้วน คดีลักษณะนี้มีฎีกาเป็นคดีตัวอย่างมาแล้ว ....วันนี้ออกมาต่อสู้เพื่อตัวเอง เน้นคดีอาญาที่มีการดำเนินการโดยมิชอบ โดยจะไม่พูดว่าใครผิดใครถูก แต่มีการตั้งข้อสังเกตในเรื่องกระบวนการดำเนินคดี “ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุ
ขณะที่ พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ โฆษกกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ ) ชี้แจงว่า เรื่องคดีเว็บพนันมีการยื่นเรื่องมายังดีเอสไอ จริงว่า ขอให้เป็นคดีพิเศษ แต่ระหว่างที่มีการพิจารณาในชั้นสืบ ปรากฏข้อเท็จจริงว่า มีการโต้แย้งกันระหว่างพนักงานสอบสวน สน.เตาปูนว่าเป็นคดีในอำนาจของตำรวจ กับทางผู้ร้อง ซึ่งระบุว่าคดีนี้เป็นคดีเกี่ยวพันกับคดีเดิมที่ส่ง ป.ป.ช.ไปแล้ว คดีของ สน.ทุ่งมหาเมฆ
ดังนั้นเมื่อดีเอสไอไม่มีข้อเท็จจริงในส่วนนี้ ประกอบกับดีเอสไอเคยมีหนังสือหารือ ป.ป.ช.ไปแล้ว ซึ่งตามกฎหมายใหม่ ป.ป.ช.ปี 2561 มาตรา 30 วรรค 2 ระบุว่า คดีที่เกี่ยวข้องกันกับคดีแรกที่ ป.ป.ช.ทำไปแล้วให้อยู่ในอำนาจของ ป.ป.ช.ตามกฎหมาย
“เรื่องลักษณะนี้ ป.ป.ช.เคยแจ้งมาว่า ต้องให้ ป.ป.ช.เป็นผู้พิจารณา ดังนั้นเราจึงส่งเรื่องดังกล่าวให้กับ ป.ป.ช. หากเกี่ยวข้องและอยู่ในอำนาจก็ให้ ป.ป.ช. เป็นผู้ดำเนินการ แต่หากไม่เกี่ยวข้องดีเอสไอ จึงจะมาพิจารณาว่า เข้าข่ายที่จะเป็นคดีพิเศษหรือไม่”
พ.ต.ต.วรณัน กล่าวอีกว่า ประเด็น ไม่ใช่พบว่า มีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง แต่มันมีข้อโต้แย้ง ระหว่างตัวผู้ร้องที่มาร้องขอให้รับเป็นคดีพิเศษ ...ตอนนี้ดีเอสไอยังไม่ได้พิจารณาเลยว่า เป็นคดีพิเศษหรือไม่ เพราะกฎหมายตรงนี้เกิดขึ้นก่อน ซึ่งเราเคยหารือกันตั้งแต่ปี 2562
ในส่วนของดีเอสไอ คือ ยังรอคำตอบจาก ป.ป.ช. ซึ่งเราไม่สามารถระบุว่า ป.ป.ช.จะส่งเรื่องกลับมาเมื่อไหร่ ...ประเด็นที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องโต้แย้งระหว่าง บิ๊กโจ๊ก กับ ตร. ไม่เกี่ยวกับดีเอสไอ เพราะในส่วนของดีเอสไอ ก็ตามที่ชี้แจงว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับเวปพนันออนไลน์คดีที่เกี่ยวข้องกับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เป็นคดีพิเศษ
จึงชัดเจนว่า ขณะนี้ดีเอสไอ ยังไม่ได้รับคดีเวปพนันออนไลน์ ทั้งคดีเครือข่ายมินนี่และคดี BNK Master เป็นคดีพิเศษ
ขณะที่ ผู้ถูกกล่าวถึง ให้เป็นพยาน คือ พล.อ.ประวิตร ล่าสุดได้ออกมาปฏิเสธสั้นๆว่า ไม่เคยรู้จักเป็นการส่วนตัวกับนายสุชาติ และคงไม่ฟ้อง ปล่อยให้เป็นไปตามการตรวจสอบของกระบวนการต่างๆ และย้ำว่าไม่ทราบที่มาที่ไปเอกสารดังกล่าว
ไม่ต่างจาก นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ยืนยัน หลังทราบว่าถูก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยื่นร้อง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ขอให้ประธาน ป.ป.ช. เอาผิดนายกฯ ตามมาตรา 157 ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ จากกรณีการแต่งตั้ง พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)
และประเด็นการออกคำสั่งส่งตัว พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กลับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก่อนที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ รักษาการ ผบ.ตร.จะมีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ว่า ไม่ใช่เรื่องใหม่ มีคนไปร้องแล้วครั้งหนึ่ง แล้ววันนี้ก็มีการร้องซ้ำอีก
“มั่นใจว่าชี้แจงได้ เพราะแต่งตั้งด้วยความเป็นธรรม ในกระบวนการแต่งตั้ง ก็มีกรรมวิธี รับฟังความคิดเห็นจากทุกคนอย่างเป็นธรรม มีการพูดคุยกันในวงกว้างถึงจะสรุป...เรื่องที่มาประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและถูกย้ายกลับไปสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จนนำไปสู่คำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เสนอมา และผมก็ส่งกลับไป เป็นเพียงการรับทราบเฉยๆ และจริงๆ แล้ว หากผมไม่ปฏิบัติตาม ก็โดน ม.157 มากกว่า มั่นใจว่าทำตามกฎหมายทุกอย่าง และไม่ได้เข้าข้างใคร และไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้กับคนใดคนหนึ่ง ไม่ได้กลั่นแกล้งใคร ไม่ได้ลำเอียงกับใครคนใดคนหนึ่ง” นายกฯ กล่าว
ส่วน นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงหนังสือคัดค้านการปฎิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการ ป.ป.ช.ของพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ว่า ได้รับหนังสือมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คงต้องตรวจสอบข้อเท็จจริง ว่ามีการร้องคัดค้านในเรื่องอะไร ขอไปดูข้อกฎหมายก่อน เพราะเวลามีเรื่องกันมันมีส่วนได้เสีย มีสาเหตุโกรธเคืองกัน
สิ่งเหล่านี้ถือเป็นเหตุคัดค้านตามข้อกฎหมาย และ ต้องรับฟังเหตุผลทั้งสองฝ่าย เพราะเป็นเพียงแค่คำร้อง ต้องตรวจสอบคำร้องว่าระบุอย่างไร และจะให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย เพราะโอกาสที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ถูกคัดค้านก็มีเยอะ
ส่วนเรื่องกระบวนการสรรหา นายนิวัตไชย บอกว่า คงไม่ใช่หน้าที่ของ ป.ป.ช. ต้องไปอยู่กับคนที่เขาสรรหามา ป.ป.ช. รับผิดชอบเฉพาะกรณีการกล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐ ว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือทุจริตต่อหน้าที่ ส่วนกรณีการกล่าวหาคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่ใช่หน้าที่ของ ป.ป.ช. ต้องเป็นหน้าที่ขององค์กรอิสระอื่นที่จะต้องพิจารณา
“ยังไม่มีข้อยุติ ตอนนี้อยู่ในกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงยังไม่มีมีการไต่สวน คงต้องพิจารณาว่า พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ถูกตั้งข้อกล่าวหากี่เรื่อง หากได้รับผลกระทบอีกหลายคดี จะต้องไปดูในทุกๆ เรื่อง” เลขาฯ ป.ป.ช.กล่าว
เป็นคดีที่ต้องต่อสู้กันอีกยาวนาน ในทางกฎหมาย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังมีสิทธิตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมในการต่อสู้ เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ และตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาจนถึงที่สุด ก็ต้องถือว่า ผู้ที่ถูกตั้งข้อกล่าวหา คือ ผู้บริสุทธิ์
ทั้งที่ในความเป็นจริงปฎิเสธไม่ได้ว่า ข้อมูลที่ถูกปล่อยออกมา หากไม่ใช่คนวงในที่รู้ไส้รู้พุงออกมาสาวไส้ ก็คงไม่มีใครรับรู้ถึงความสีเทาที่ซ่อนตัวอยู่ในแทบทุกองค์กร
อ่านข่าว
"บิ๊กโจ๊ก" ร้อง ป.ป.ช. สอบนายกฯ ปฏิบัติหน้าที่มิชอบตั้ง "บิ๊กต่อ" ผบ.ตร.
สะเทือนองค์กรอิสระ ? "บิ๊กโจ๊ก" ยื่นหนังสือร้องเรียนกรรมการ ป.ป.ช.