วันนี้ (14 เม.ย.2567) นายประหยัด ธรรมขันธ์ เลขาธิการ สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ ธ.ก.ส. กล่าวว่า พนักงานธนาคารรู้สึกกังวลผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ฝากเงินและเสถียรภาพในระบบของธนาคาร หลังรัฐบาลต้องการกู้เงิน ธ.ก.ส.เพื่อดำเนินโรงการดิจิทัลวอลเล็ต จำนวน 172,000 ล้านบาท อาจซ้ำรอยเหตุการณ์เดียวกับวิกฤตจำนำข้าว เมื่อปี 2557 ที่รัฐบาลรักษาการกดดันให้บอร์ดธนาคารจ่ายเงินให้กับชาวนา 50,000 ล้านบาท
สหภาพฯ เห็นว่า มติคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตที่อ้างอิงความเห็นนักกฎหมายกระทรวงการคลัง และเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ว่าสามารถยืมเงิน ธ.ก.ส. เพื่อแจกเงินดิจิทัลให้กับเกษตรกร อาจไม่เหมาะสม จึงเตรียมยื่นหนังสือให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะความเห็นของคณะกรรมการกฤษฎีกา พิจารณาเรื่องดังกล่าวอย่างเป็นทางการ
รายงานจาก ธ.ก.ส. ตั้งข้อสังเกตว่า รัฐบาลพยายามตีความกฎหมาย ธ.ก.ส. ให้เอื้อประโยชน์กับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต โดยเฉพาะ ข้อ "ง." ที่ระบุถึงการดำเนินโครงการที่เป็นการส่งเสริม หรือสนับสนุนการประกอบเกษตรกรรม รวมกับผู้ประกอบการ เพื่อเพิ่มรายได้หรือพัฒนาคุณภาพชีวิตนั้น
เป็นข้อความที่เพิ่งยกร่างแก้ไขเมื่อประมาณ 10 ปีก่อน โดยมีเจตนาเพื่อเปิดช่องให้เกษตรกรสามารถกู้เงินเพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร เช่น จัดทำแพ็กเกจจิ้งและลอจิสติกส์ ไม่ใช่ให้นำเงินธนาคารไปใช้ในโครงการประชานิยม จึงเห็นว่ารัฐบาลควรพิจารณาเจตนารมณ์กฎหมาย ไม่ใช่แค่ข้อความบางประโยค
อ่านข่าว : "เศรษฐา" เคาะไตรมาส 4 แจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท
สอดคล้องกับนายกรณ์ จาติกวณิช อดีต รมว.คลัง ในฐานะประธานบอร์ด ธ.ก.ส.ในยุคที่มีการแก้ไขกฎหมาย ธ.ก.ส. โพสข้อความบนเฟซบุ๊ก ย้ำว่า วัตถุประสงค์การใช้เงินของธนาคาร ต้องเชื่อมโยงกับบริบทส่งเสริมอาชีพเกษตรกรรม และไม่เปิดช่องให้ใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และการนำเงินรัฐวิสาหกิจไปใช้โดยไม่ตรงกับวัตถุประสงค์ของรัฐวิสาหกิจนั้นๆ เป็นการขัดกฎหมายวินัยการเงินการคลัง มาตรา 28 อย่างชัดเจน
ด้านนายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. ระบุว่า อ่านกฎหมาย ธ.ก.ส.หลายรอบ แต่เห็นว่ากฎหมายไม่ได้เปิดช่องให้นำเงินไปแจกเงินดิจิทัลได้ จึงขอให้ผู้ฝากเงินไม่ต้องไปถอนเงิน ยกเว้น บอร์ดธนาคารจะลงมติรับรองและเสี่ยงติดคุกเอง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง