วันนี้ (27 มี.ค.2567) พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) เปิดเผยถึงกรณีที่นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม แถลงเปิดขบวนการรับส่วยและเส้นทางการเงินที่พาดพิงถึง "ดาบ ย." กับ "รอง ฟ." สังกัดใน บช.สอท. ว่า
จากแนวทางการปฏิบัติของ สอท. คือ ต้องมีคำสั่งมาประจำ ศปก.สอท. และมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยหลังจากถูกพาดพิงวานนี้ (26 มี.ค.) ตนได้ดำเนินการทั้ง 2 ส่วนทันที ซึ่งตำรวจทั้ง 2 นายเข้ามาประจำที่ ศปก.แล้วทั้งนี้ส่วนตัวไม่ได้สอบถามนายตำรวจทั้ง 2 นายที่ถูกพาดพิง แต่ให้คณะกรรมการดำเนินการตรวจสอบทันที ส่วนวานนี้ (26 มี.ค.) มีการพาดพิงถึงหลายหน่วยงาน หลายพื้นที่ ซึ่งพบว่าเป็นข้อมูลปีเก่าๆ ตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นมา ซึ่งทาง สอท. ได้สั่งดำเนินการตรวจสอบทั้งหมดแล้ว
- "ทนายตั้ม" อ้างขบวนการส่วยตำรวจโยง "บิ๊กต่อ" - เปิด 18 ธุรกิจเก็บค่าตั๋ว
- "บิ๊กต่อ" เตรียมเอาผิด "ทนายตั้ม" ถูกโยงปมส่วยวงการสีกากี
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ข้อมูลการแถลงข่าววานนี้ (26 มี.ค.) พบเป็นข้อมูลที่มีลักษณะใกล้เคียงกับข้อมูลที่เคยมีผู้กำกับสืบสวนจังหวัดสงขลา ไปแจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ สน.เตาปูน ซึ่งขณะนี้ สน.เตาปูน อยู่ระหว่างการสืบสวนดำเนินคดี และส่วนที่ทนายตั้ม จะไปพบ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นั้นก็เป็นส่วนที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ดำเนินคดีด้วยส่วนหนึ่งว่า สังคมไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องการตรวจสอบ เพราะมีหลายหน่วยงานร่วมตรวจสอบทั้ง สน.เตาปูน กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีการตรวจสอบในภาพรวมด้วย
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เส้นทางการเงินที่มีลักษณะพาดพิงถึงการกระทำผิดหลายประเภท โดยเฉพาะเว็บไซต์พนัน ซึ่งเป็นเรื่องของเส้นเงินที่ ตำรวจ สน.เตาปูน และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนการต้องทำการตรวจสอบ ส่วนที่ถูกมองว่า ลักษณะการเก็บเงินหน้าเสื่อแล้วส่งไปให้บิ๊กตำรวจนั้น พล.ต.ท.วรวัฒน์ บอกว่า ก็คงต้องดูหลักฐานที่นำมาชี้แจงกับหลักฐานทางการเงิน ว่ามีลักษณะการเชื่อมโยงกันแบบไหน บางเส้นก็มีครั้งเดียว บางเส้นเองก็มีหลายครั้ง ซึ่งเกี่ยวกับการถูกดำเนินคดีทั้งสิ้น ซึ่งส่วนของ สอท. เป็นการตรวจสอบทางวินัย เพราะคดีอาญาเป็นของ สน.เตาปูน และกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ทนายตั้มอ้างว่า มีการนำเงินจากส่วยส่งไปให้บิ๊กตำรวจคนหนึ่งนั้น พล.ต.ท.วรวัฒน์ บอกว่า ก็เป็นเรื่องของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และได้สั่งให้ตรวจสอบบุคคลที่ถูกพาดพิงทั้งหมด รวมถึงในภาพรวมของ สอท.ทั้งหมด โดยมีกรอบระยะเวลาในการตรวจสอบให้ดำเนินการให้เร็วที่สุด
พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท.
พล.ต.ท.วรวัฒน์ ยังบอกอีกว่า ไม่ว่าจะเป็นข้าราชการหน่วยไหนก็ล้วนต้องถูกตรวจสอบทั้งสิ้น และเชื่อว่าการตรวจสอบจะเข้มข้นเรื่อยๆ ในเมื่อเป็นข้าราชการก็ต้องพร้อมรับการตรวจสอบ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ เพจทนายตั้มถูกปิดกั้นก่อนจะมีการแถลงข่าวแล้วถูกตั้งข้อสังเกตว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับ สอท.หรือไม่นั้น พล.ต.ท.วรวัฒน์ บอกว่า ไม่เกี่ยวกับ สอท.เพราะเพจปิดก็เปิดได้ หากมีการร้องขอไม่กี่ชั่วโมง และไม่รู้ว่าจะทำไปทำไม เพราะเป็นข้อมูลเดิมๆ
ส่วนกรณีที่มีการพาดพิงจากการแถลงข่าวของทนายตั้มว่า มีการใช้ห้องรองผู้บัญชาการห้องหนึ่งใน สอท.เพื่อส่งยอดและรับยอดเงินส่วยทุกวันที่ 25 ของเดือน นั้นมีข้อเท็จจริงอย่างไร มีห้องอยู่จริงหรือไม่ พล.ต.ท.วรวัฒน์ ระบุว่า “ไม่ใช่ เพราะห้องนั้นเป็นห้องของผู้บังคับบัญชา เป็นห้องรองผู้บัญชาการจะเข้าไปทำอย่างนั้นได้อย่างไร” และตนเองไม่ได้เข้าไปตรวจสอบเพราะเป็นสำนักงานมีหน้าห้องนั่งอยู่ปกติ
พร้อมให้ตรวจสอบ ใครจะตรวจสอบสอบก็มาตรวจสอบเพราะเป็นข้าราชการก็พร้อมถูกตรวจสอบ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ถูกมองว่า สอท.เป็นแหล่งเงินที่มีการหารายได้กันมหาศาลนั้น
พล.ต.ท.วรวัฒน์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ถูกมองว่า สอท.เป็นแหล่งเงินที่มีการหารายได้กันมหาศาลนั้น ว่าไม่ใช่ เพราะถ้าตำรวจหน่วยไหนที่เกี่ยวข้องกับภารกิจนั้นๆ ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นๆ และมักจะถูกพาดพิงและถูกตรวจสอบ เช่น ตั้งแต่ตนเองรับตำแหน่งมา ก็มีการจับกุมเว็บพนันและยึดทรัพย์ไปหลายพันล้าน
ทั้งนี้สังคมมองว่า สอท.ที่จับบัญชีม้า แต่กลับถูกพาดพิงว่าใช้บัญชีมาเอง พล.ต.ท.วรวัฒน์ ระบุว่า คงต้องไปให้หน่วยงานภายนอกเข้ามาตรวจสอบเพราะก็สามารถดำเนินคดีกับเราได้ และตนเองได้มีการกำชับในการทำงานให้หนักขึ้นด้วย และในฐานะหัวหน้าหน่วยงานก็ต้องรับผิดชอบกับเสียงสะท้อนแบบนี้
อ่านข่าวอื่น ๆ :
สมาคมนักข่าวฯ โต้ "ทนายตั้ม" ปัดรับเงินบริจาค-ขู่ฟ้องกลับ