มีประเด็นสำคัญ คือ 1.การพัฒนาศักยภาพการค้าการลงทุน 2.การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์
3.การพัฒนาศักยภาพการค้า การลงทุน เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม 4.การยกระดับคุณภาพชีวิตเสริมสร้างความมั่นคง และ 5.การอนุรักษ์ฟื้นฟู และพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
เป็นเวลาเดียวกับที่ นายทักษิณ ชินวัตร มีกำหนดไปกราบไหว้บรรพบุรุษที่ จ.เชียงใหม่ ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน
แทบไม่ต้องคิด ไม่ต้องจับโยงทางการเมือง หรือบอกว่าเป็นเรื่องบังเอิญใด ๆ ว่า นายเศรษฐาจะได้พบกับนายทักษิณหรือไม่
เพราะก่อนประชุม ครม.สัญจรที่ จ.พะเยา นายเศรษฐาจะลงพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ในวันที่ 15-17 มี.ค.นี้ จะไปติดตามสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน โดยจะหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ รวมถึงฝ่ายความมั่นคงในการแก้ไขปัญหายาเสพติด และติดตามโครงการพระราชดำริ
“หากมีโอกาสและสะดวกคงจะได้พบกัน”
...........................
หากนับตั้งแต่ นายเศรษฐา ทวีสิน เข้ามาบริหารประเทศ จนถึงปัจจุบัน กว่า 6 เดือน มีการนับสถิติการเดินทางไปต่างประเทศและต่างจังหวัด
นายกรัฐมนตรีคนนี้ เดินทางไปเยือน 16 ประเทศ เดินทางไปดูงาน 27 จังหวัด
.........................
วันนี้ นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา โพสต์ข้อความบนสื่อสังคมออนไลน์ ว่า ทุบสถิติ เป็นนายกฯ 6 เดือน บินนอก 16 ประเทศ 52 วัน ใน 176 วัน โดยคิดเป็น 30 % ของการทำงาน พร้อมติดแฮชแท็ก #ผลงานมีมั้ย #แมงโม้ #บินไปบินมา
วันที่ 18-24 กันยายน 2566 ซานฟราน สหรัฐอเมริกา, วันที่ 28 กันยายน 2566 กัมพูชา, วันที่ 8-9 ตุลาคม 2566 ฮ่องกง. วันที่ 10 ตุลาคม 2566 บรูไน, 11 ตุลาคม 2566 มาเลเซีย, วันที่ 12 ตุลาคม 2566 สิงคโปร์, วันที่ 16-19 ตุลาคม 2566 จีน, วันที่ 19-21 ตุลาคม 2566 ซาอุดิอาระเบีย, วันที่ 29-30 ตุลาคม 2566 ลาว
วันที่ 12-19 พฤศจิกายน 2566 ซานฟราน สหรัฐอเมริกา, วันที่ 14-19 ธันวาคม 2566 ญี่ปุ่น. วันที่ 15-19 มกราคม 2567 สวิตเซอร์แลนด์, วันที่ 3-4 กุมภาพันธ์ 2567 ศรีลังกา, วันที่ 4-6 มีนาคม 2567 ออสเตรเลีย และ วันที่ 13 มีนาคม 2567 เยอรมันและฝรั่งเศส
..................
วันเดียวกัน เหมือนนัดกันมา นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา กล่าวถึงการอภิปรายทั่วไป ของสมาชิกวุฒิสภา ในวันที่ 25 มี.ค.นี้ ว่า มี สว.แสดงเจตจำนงที่จะอภิปรายแล้วกว่า 30 คน แต่รัฐบาลกำหนดเวลาให้เพียงวันเดียว หรือ 12 ชั่วโมง
ประเด็นที่แสดงความจำนงไว้มากที่สุด คือ เรื่องเศรษฐกิจปากท้องของประชาชน ซึ่งขณะนี้ลำบากในปัญหาเศรษฐกิจ ปัจจุบันกลับกลายเป็นว่า จะแก้ไขปัญหา โดยแจกเงินดิจิทัล ซึ่งถือว่าผิดทาง
ส่วนที่มีการมองว่า จะถึงขั้นเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายเสรีกล่าวว่า การเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี มีการพูดกันมาช่วงเวลาหนึ่งแล้ว ตนก็ยังภาวนา ให้รัฐบาลในยุคปัจจุบัน อยู่ได้ถึงวันที่ 25 มี.ค. เพื่อที่จะได้อภิปรายกัน เพราะถ้าเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี ครม.ก็ต้องหมดไป การอภิปรายก็จะทำให้สิ้นผลไป ดังนั้นอยู่ให้ครบถึงวันที่ 25 มี.ค.นี้
ปัญหาประเทศมีเยอะ แต่รัฐบาลแก้ไขเป็นรูปธรรมไม่ได้ ไม่มีความชัดเจน ซึ่งสิ่งที่ชัดเจนที่สุดคือมีสถิติเดินทางไปต่างประเทศ 200 ครั้ง 200 วัน แล้ว ทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า แทนที่จะเอาเวลาไปบริหารประเทศ เพื่อทำประโยชน์ให้กับประชาชน หรือพูดคุยกันในสภา ทำให้เสียโอกาสมองว่า อาจเป็นจุดเปลี่ยน ทำให้ต้องเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี ต้องให้คนที่มีกำลังทำการเมืองเป็นคนตัดสินใจ แต่มันเห็นอยู่แล้วว่า ไม่ใช่ตัวนายกฯ คนปัจจุบันที่ตัดสินใจ นายกฯปัจจุบันก็อยู่ด้วยจมูกของคนอื่น
..................
นาทีนี้เหมือนหลายสิ่งประดังเข้ามาเขย่าเก้าอี้ “นายกฯ เศรษฐา” ให้พาหวั่นไหวเอาเหมือนกัน แม้ข่าวจริงไม่มี ว่าจะ “ปรับ ครม.หรือไม่” แต่ข่าวลือเล่าอ้าง ก็ใช่ว่าจะฟังไม่ได้ เหมือนที่เคยมีการพูดกันว่า “ข่าวลือคือข่าวจริงก่อนกาลเวลา”
เพราะก่อนหน้านี้มีกระแสว่า การไปเชียงใหม่ของนายทักษิณ ในห้วงเวลาการประชุม ครม.สัญจร จะเป็นโอกาสพบปะกับแกนนำพรรคเพื่อไทยหลายคน และอาจจะมีการพูดคุยถึง “การปรับ ครม.”
หรือการเตรียมตัวตั้งรับการเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งใหญ่ และการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา ในเร็วๆ นี้ เหมือนที่ นายอนุทิน ชาญวีรกุล รมว.มหาดไทย สั่งการให้ 4 จังหวัดภาคเหนือ (พะเยา เชียงราย แพร่ น่าน) เตรียมเสนองบกลาง เป็นงบฉุกเฉินจังหวัดละ 50 ล้านบาท
และที่ไม่ควรมองข้ามอีกประเด็น คือการเข้าไปถึงพื้นที่ “ไข่แดง” ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า แกนนำพรรคพลังประชารัฐ
ก็ได้แต่จับตาดูให้ทุกอย่างเรียบร้อยไปด้วยดี ก่อน 25 มี.ค.ตามคำขอของท่านสมาชิกวุฒิสภา
รายงาน : เอมพงศ์ บุญญานุพงศ์