- "รอมฎอน 2567" เดือนแห่งความศักดิ์สิทธิ์ของชาวมุสลิม
- จุฬาราชมนตรี ประกาศ 12 มี.ค.67 เป็นวันที่ 1 ของ "เดือนรอมฎอน"
วันนี้ (11 มี.ค.2567) น.ส.ปานหทัย บูรณประเสริฐกุล ผู้เสียหาย ถูกชายคนหนึ่ง พยายามขวางรถและทุบกระจกรถ บนทางด่วน ที่ถนนย่านพระราม 3 กล่าวว่า เมื่อวันที่ 9 มี.ค.ที่ผ่านมา ระหว่างตัวเองขับรถจากที่ทำงานมุ่งหน้ากลับบ้าน ย่านห้วยขวาง โดยใช้ถนนนางลิ้นจี่ ผ่านถนนพระราม 3 เพื่อขึ้นทางด่วนด่านเลียบแม่น้ำ ช่องนนทรี
จากนั้น เมื่อผ่านด่านเก็บเงินของทางด่วนได้ ประมาณ 100 เมตร ก็พบมีชายแปลกหน้าพยายามเรียกรถของตัวเองให้จอด พร้อมกับเดินมากลางถนน และขวางรถของตัวเอง
จากการดูด้วยสายตา เห็นว่าชายคนดังกล่าว มีลักษณะปกติ ไม่ได้เข้าข่ายวิกลจริต เมื่อเดินมาถึงตัวรถ ชายคนดังกล่าวได้พยายามเปิดประตูรถ แต่ประตูรถล็อก ทำให้ชายคนนี้โกรธ และเอามือกับหมวกกันน็อคตีกระจกรถ พร้อมตะโกนส่งเสียงดังว่าขอติดรถไปด้วย
รู้สึกตกใจมาก จึงรีบขับรถออกจากจุดเกิดเหตุ ตรวจพบว่ากระจกรถได้รับความเสียหายเล็กน้อย จึงแจ้งความที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ ให้ดำเนินคดีกับชายแปลกหน้าคนนี้ ในข้อหาทำให้เสียทรัพย์
ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สถานีตำรวจนครบาลทุ่งมหาเมฆ ได้ควบคุมตัวชายผู้ก่อเหตุมาสอบปากคำที่ห้องสืบสวนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว อีกทั้งยังได้มีการประสานให้ผู้เสียหายเข้าให้ ข้อมูลเพิ่มเติมในช่วงเย็นวันนี้
หลังมีการทำงานร่วมกับชุดสืบสวนกองบังคับการตำรวจนครบาล 5 ไล่ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิด และสอบปากคำแท็กซี่ที่มีการพาผู้ก่อเหตุไปส่งในพื้นที่ย่านรามคำแหง หลังก่อเหตุ เมื่อวันที่ 9 มี.ค.ที่ผ่านมา
ตำรวจสอบปากคำนาน 3 ชั่วโมง พร้อมแจ้ง 2 ข้อหา
แจ้ง 2 ข้อหาทำให้เสียทรัพย์-ข่มขู่ทำให้กลัว
ภายหลังการสอบปากคำนานกว่า 3 ชม. ตำรวจได้คุมตัวผู้ก่อเหตุออกจากห้องสืบสวน ชายคนดังกล่าว ระบุว่าที่ขึ้นไปบนทางด่วน เพราะยืนรอรถ และกำลังหาทางออกจากทางด่วน ก่อนหน้าคันนี้มีการโบกนถมาหลายคันแล้ว แต่ไม่มีใครจอด ทำให้รู้สึกโกรธ สาเหตุที่เอาหมวกกันน็อกฟาดรถนั้น เนื่องจากโกรธที่ผู้เสียหายไม่ยอมให้ขึ้นรถไปด้วย
ด้านพ.ต.อ.พนม เชื้อทอง ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลทุ่งมหาเมฆ ระบุว่า จากการสอบปากคำผู้ก่อเหตุให้การรับสารภาพ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินคดีใน 2 ข้อหาคือทำให้เสียทรัพย์และข่มขู่ทำให้ตกใจกลัว
เบื้องต้นผู้ก่อเหตุได้ขอโทษผู้เสียหายแล้วหลังจากนี้จะเป็นกระบวนการสอบปากคำเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ส่วนผู้ก่อเหตุจะมีปัญหาเรื่องการควบคุมอารมณ์หรือเป็นโรคจิตเภทหรือไม่อยู่ระหว่างประสานขอข้อมูลจากครอบครัว แต่จากการสอบปากคำพบว่าผู้ก่อเหตุมีอารมณ์ฉุนเฉียวบ้างในบางช่วง แต่ภาพรวมยังถือว่าอยู่ในอาการปกติ