นายธนกร อังค์วัฒนะ เจ้าหน้าที่สารสนเทศดาราศาสตร์ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) เปิดเผยว่า "ปลาย เม.ย.2567 นี้ ลุ้นชมดาวหาง 12P/Pons-Brooks อาจสว่างเห็นได้ด้วยตาเปล่า"
ดาวหาง 12P/Pons-Brooks จัดเป็นดาวหางประเภทเดียวกันกับดาวหางฮัลเลย์ (1P/Halley) กล่าวคือ มีคาบการโคจรโคจรรอบดวงอาทิตย์ 71 ปี จึงจัดอยู่ในดาวหางประเภท "ดาวหางคาบสั้น" (Periodic comet) ค้นพบครั้งแรกโดย Jean-Louis Pons นักดาราศาสตร์ชาวฝรั่งเศส ในปี ค.ศ. 1812 และมีการค้นพบซ้ำอีกครั้งในปี 1883 โดย William Robert Brooks นักดาราศาสตร์ชาวอเมริกัน จึงเป็นที่มาของชื่อดาวหาง 12P/Pons-Brooks นั่นเอง
ดาวหางดวงนี้โคจรรอบดวงอาทิตย์เป็นวงรีค่อนข้างมาก จุดที่ใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุดมีระยะห่างเพียง 116 ล้านกิโลเมตร (0.77 AU) ขณะที่จุดที่ไกลดวงอาทิตย์มากที่สุดมีระยะห่างถึง 4,965 ล้านกิโลเมตร (33.2 AU) ซึ่งโดยปกติแล้วช่วงที่ดาวหางจะมีความสว่างสูงสุด จะเป็นช่วงที่ดาวหางโคจรเข้ามาใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุด เพราะนิวเคลียสของดาวหางจะได้รับพลังงานและรังสีจากดวงอาทิตย์มากขึ้น ทำให้เกิดกลุ่มฝุ่นและแก๊สฟุ้งกระจายออกมามาก
ขณะนี้ดาวหาง 12P/Pons-Brooks กำลังโคจรเข้ามาใกล้ดวงอาทิตย์มากขึ้นเรื่อย ๆ โดยวันที่ 23 เมษายน ค.ศ.2024 จะเป็นวันที่ดาวหางโคจรเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุด
จากการคาดการณ์โดยเว็บไซต์ theskylive.com ดาวหางอาจมีค่าอันดับความสว่างปรากฏได้มากถึง แมกนิจูด 4.42 ใกล้เคียงกับค่าอันดับความสว่างปรากฏของเนบิวลานายพราน (M42) และกระจุกดาวเปิดในกลุ่มดาวหมาใหญ่ (M41) หมายความว่า หากท้องฟ้ามืดสนิทเพียงพอ ในช่วงที่ดาวหางเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุด เราจะสามารถมองเห็นดาวหางได้ด้วยตาเปล่า
ทั้งนี้ ค่าอันดับความสว่างปรากฏที่คาดการณ์เป็นเพียงการคาดการณ์เบื้องต้นเท่านั้น ความสว่างที่จะเกิดขึ้นจริงขึ้นอยู่กับอีกหลายปัจจัย ซึ่งดาวหางอาจสว่างกว่านี้หรืออาจจะสว่างน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ก็เป็นได้
ต้องดูทางทิศไหน - เวลาใด
ในช่วงนี้ดาวหางมีตำแหน่งปรากฏอยู่บริเวณกลุ่มดาวแอนโดรเมดา (Andromeda) ทางขอบฟ้าทิศตะวันตก สามารถสังเกตการณ์ได้ในช่วงหัวค่ำหลังดวงอาทิตย์ตกตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ทั้งนี้ ในช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์กำลังตกลับขอบฟ้า ดาวหางจะมีมุมเงยเพียงประมาณ 12 องศาเท่านั้น จึงมีเวลาปรากฏอยู่บนท้องฟ้าไม่นานก่อนที่จะตกลับขอบฟ้าตามดวงอาทิตย์ไป
และการที่ดาวหางมีมุมต่ำเช่นนี้ก็อาจทำให้ยากต่อการสังเกตการณ์เนื่องจากมลภาวะในชั้นบรรยากาศ จากนั้นดาวหางจะค่อย ๆ เปลี่ยนตำแหน่งเคลื่อนไปยังกลุ่มดาวแกะ (Aries) ในช่วงปลายเดือนมีนาคม และจะเคลื่อนไปสู่กลุ่มดาววัว (Taurus) ในช่วงปลายเดือนเมษายนซึ่งเป็นช่วงที่ดาวหางน่าจะมีความสว่างสูงที่สุด
ดาวหาง 12P/Pons-Brooks จัดเป็นดาวหางหนึ่งในดาวหางคาบสั้นที่มีความสว่างสูง และมีคาบการโคจรใกล้เคียงกับดาวหางฮัลเลย์ นั่นหมายความว่า ในช่วงชีวิตของมนุษย์จะมีโอกาสเพียง 1 ครั้งเท่านั้นที่จะสามารถสังเกตการณ์ดาวหางดวงนี้ได้
ภาพจำลองตำแหน่งดาวหาง 12P/Pons-Brooks จากโปรแกรม Stellarium ช่วงหัวค่ำหลังดวงอาทิตย์ตก ทางทิศตะวันตก เวลาประมาณ 19:00 น. ตั้งแต่วันที่ 7 มีนาคมไปจนถึง 26 เมษายน 2024
ก่อนที่ดาวหางจะโคจรออกห่างไปจากดวงอาทิตย์ ค่อย ๆ ริบหรี่จางหายไปในอวกาศ แล้วจะวกกลับมาเฉียดใกล้ดวงอาทิตย์ให้พวกเราได้ยลโฉมอีกครั้งในอีก 71 ปีข้างหน้าเลยทีเดียว
12P/Pons-Brooks จะเพิ่มความสว่างได้มากแค่ไหน จะปรากฏเป็นดาวหางที่ทอดยาวอยู่บนท้องฟ้าให้เรามองเห็นได้ด้วยตาเปล่าอย่างงดงามได้หรือไม่ มาร่วมลุ้นไปด้วยกัน
ข้อมูล-ภาพ : NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ
อ่านข่าวอื่น ๆ
เที่ยงคืน! ลุ้นขยะอวกาศครึ่งตันผ่านไทยพิกัดราชบุรี-กาญจนบุรี