วันนี้ (4 มี.ค.2567) ความคืบหน้ากรณีชายต่างชาติก่อเหตุทำร้ายร่างกายแพทย์หญิงโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งใน จ.ภูเก็ตจนเป็นข่าวดัง และขยายไปสู่การตรวจสอบธุรกิจปางช้าง รวมถึงการตรวจสอบการตั้งมูลนิธิฯ หลังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มีคำสั่งให้ จ.ภูเก็ต ตรวจสอบมาเฟียต่างชาติในพื้นที่ไปพร้อมๆ กัน
อ่านข่าว : ฝรั่งเตะหลัง-ภรรยาชาวไทย "ขอโทษ" พญ.ผ่านสื่อ อ้างไม่ได้ตั้งใจทำร้าย
นายอดุลย์ ชูทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ขณะนี้ทางผู้ว่าฯ ได้สั่งให้นายอำเภอ ทั้ง 3 อำเภอ และหน่วยงานด้านความมั่นคง ตรวจสอบพฤติกรรมชาวต่างชาติว่า มีใครบ้างที่เข้าข่ายมาเฟีย หรือเป็นผู้มีอิทธิพลคุกคามข่มขู่ผู้ประกอบการ หรือมีการทำผิดกฎหมายต่างๆ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นการเพิกถอนวีซา ตลอดจนขึ้นบัญชีดำ เพื่อไม่ให้มีการกลับเข้ามาในประเทศไทยอีก สำหรับนายเดวิด ชาวต่างชาติ ผู้ก่อเหตุ อาจเข้าข่ายเพราะมีการข่มขู่
อ่านข่าว : ขีดเส้น 30 วัน รื้อเพิ่ม 2 จุด วิลลารุกที่สาธารณะ จุดเกิดเหตุฝรั่งทำร้ายหมอ
ส่วนการตรวจสอบใช้วีซาของนายเดวิด พบว่าเป็นนักธุรกิจที่เข้ามาลงทุน และจดทะเบียนมูลนิธิ ส่วนนี้ได้ทำหนังสือตรวจสอบการจดทะเบียนมูลนิธิฯ ว่าดำเนินการถูกต้องหรือไม่ หากไม่ถูกต้อง จะถูกเพิกถอนการจัดตั้งมูลนิธิ โดยนายทะเบียนจะต้องทำหนังสือไปถึงอัยการ เพื่อขอให้ศาลเพิกถอนการตั้งมูลนิธิฯ และในการประกอบธุรกิจปางช้าง
สำหรับเรื่องวีซา ได้ตรวจสอบไปยังตำรวจตรวจคนเข้าเมืองภูเก็ต ทราบว่า จะมีครบกำหนดในวันที่ 13 มี.ค.นี้ ซึ่งจะพิจารณาว่าจะต่อวีซาหรือไม่ ประเภทไหนอย่างไร ทั้งนี้ต้องดูเรื่องการพิจารณาด้วย หากการพิจารณาคดีเสร็จ หลัง 13 มี.ค.นี้ จะต้องต่อวีซาเป็นผู้ต้องหาในคดี
อ่านข่าว : วีรกรรมเพียบ! โซเชียลแห่ขุดพฤติกรรมชายต่างชาติทำร้าย พญ.
ซึ่งคดีนี้จะเป็นคดีแรกในการตรวจสอบการถือครองวีซาของชาวต่างชาติ และเป็นคดีแรกที่ทางจังหวัดมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบขึ้นมา ส่วนที่ดินบริเวณที่เกิดเหตุการณ์ เจ้าพนักงานท้องถิ่นได้ออกคำสั่งให้มีการรื้อถอนบันได หรือสิ่งปลูกสร้างที่มีการรุกล้ำที่สาธารณะ ภายใน 30 วัน หากไม่มีการรื้อถอน เจ้าพนักงานท้องถิ่นจะเข้าไปรื้อถอนเองและเรียกร้องค่าเสียหายในการดำเนินการได้ รวมถึงหลักฐานการออกเอกสารสิทธิถูกต้องหรือไม่ จะมีการพิจารณาตามกระบวนการของหลักฐานในที่ดินต่อไป
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากเพจ ชมรม STONG ต้านทุจริตประเทศไทย โพสต์ภาพสำเนาเอกสารหนังสือรับรองการทำประโยชน์ หรือ นส.3 ก. เลขที่ 3411 บริเวณแหลมยามู ต.ป่าคลอก อ.ถลาง เนื้อที่กว่า 106 ไร่ ออกวันที่ 6 ก.ค.2548 โดยมีรายชื่อเจ้าพนักงานที่ดิน ผู้ลงนามเอกสาร พบว่ามีประวัติโดนไล่ออกจากราชการและมีประวัติพัวพันกับการออกเอกสารสิทธิบนเกาะนาคาน้อย เมื่อปี 2561
อย่างไรก็ตาม ยังคงเรียกร้องให้มีการตรวจสอบที่มาและความถูกต้องของเอกสารสิทธิบริเวณนี้ ขณะที่มีรายงานว่าในวันพรุ่งนี้ (5 มี.ค.) เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ภาค 8 จะลงพื้นที่เพื่อติดตามคดีนี้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ชาวภูเก็ตรวมตัวหน้าวิลลา-หาดยามู ทวงคืนชายหาดสาธารณะ
จุดเช็กอินใหม่ "แหลมยามู" มนต์เสน่ห์ทะเล อาทิตย์อัสดง
ตรวจสอบบันไดวิลลาริมหาดยามู นายอำเภอถลางสั่งรื้อรุกพื้นที่สาธารณะ