แผนที่ที่ถูกอ้างถึงในการประชุมคณะกรรมาธิการ การที่ดินทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ (28 ก.พ.2567)
กลุ่มแปลงพื้นที่ที่ระบายด้วยสีแดง คือ พื้นที่พิพาท ที่มีการออกแปลงไปแล้วและถูกดำเนินคดี
ส่วนเส้นแนวเขตที่อุทยานฯ ใช้ เส้นสีน้ำเงิน ตามการประกาศแนวเขตอุทยาน ในปี 2505
เส้นสีแดง ก็เป็นแนวเขตตีนเขาเขาใหญ่ ที่กรมแผนที่ทหารใช้เป็นแนวตรวจสอบ
ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ เขาลูกช้าง ในวงสีเหลือง
ในการชี้แจงของกรมแผนที่ทหาร อ้างถึง การสำรวจของนักสำรวจชาวต่างชาติ ว่า ไปเดินสำรวจในร่องที่ห่างจากตีนเขาใหญ่ 150 เมตร และ ห่างจากเขาลูกช้าง 100 เมตร เอากล้องวัดมุม ที่กรมแผนที่ทหารบอกว่า เป็นเทคนิคสากล เข้ามาสำรวจปักหมุด
ในบันทึกการสำรวจของชาวต่างชาติ ประกอบกับ ภาพถ่ายทางอากาศของกรมแผนที่หทาร พบว่า ในช่วง ปี 2517 บริเวณละแวกนี้ยังไม่มีแนวกันไฟ และพบการทำไร่มากขึ้นในปี 2526 จึงกันเป็นพื้นที่ ส.ป.ก. หลังจากนั้น การทำไร่ลดลง ป่าค่อยๆ ฟื้นสภาพ เริ่มมีแนวตรวจการณ์ของเขาใหญ่เกิดขึ้นในปี 2537 และ กลายเป็นถนนลำลอง เป็นแนวตรวจการณ์ในปี 2538 (เส้นสีน้ำเงินตามภาพ)
ป่าค่อยๆ กลับมาฟื้นสภาพ แต่สภาพต้นไม้ไม่ใช่ป่ารกทึบ จึงเป็นที่มาที่กรมแผนที่ทหารยึดเอาแนวใต้เขาลูกช้าง ที่ติดกับตีนเขาใหญ่ เป็นแนวอุทยานที่แท้จริง
คำถามก็คือ นี่กำลังหมายถึงว่า กรมแผนที่ทหาร วิเคราะห์ว่า เขาลูกช้าง คือ พื้นที่ ส.ป.ก. รวมถึง แปลงพิพาท ก็อยู่ในแนว ส.ป.ก. และ ต้องรื้อแนวเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อุทยานแห่งแรกของประเทศ ใหม่หมดหรือไม่
และพระราชกฤษฎีกาแนวเขตที่ดินปฏิรูป 2534 เคยครอบคลุมมาถึง "เขาลูกช้าง" มาก่อนหรือไม่ แล้วที่มีข้อกฎหมายในอดีตว่า ถ้าตรงไหนเป็นอุทยานฯ มาก่อน จะเอามาจัดสรรไม่ได้ ตรงนี้เป็นอุทยานมาตั้งแต่ 2505 แบบนี้จะหาทางจบกันอย่างไร
แต่ในการประชุมเมื่อวานนี้ ก็มีเอกสารทางราชการ ที่ถูกนำมาหยิบยก อ้างว่า เป็นการร้องเรียนขอความเป็นธรรม ของคนที่ได้รับการจัดสรรที่ดินในแปลงพิพาท อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
ในเดือน ส.ค.2566 มีคนในแปลงเอกสารสิทธิ ส.ป.ก. ถูกจับกุม ข้อหาบุกรุกเขตอุทยาน คนที่ถูกจับ ส่งหนังสือไปถาม ที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ ว่า ทำไมถูกจับ แนวเขตที่ดินเป็นอย่างไร และ ทางสำนักงานก็มีหนังสือสอบถามมายัง ส.ป.ก.
ส.ป.ก. มีหนังสือตอบกลับ สคทช. ว่า ไปตรวจสอบแล้ว แปลงที่เกิดปัญหา อยู่ในแนวเขตปฏิรูป 2534 อยู่ในโครงการจำแนกป่าเขาใหญ่ และทับซ้อนกับอุทยานฯ ตามเส้นแนวเขตที่ประกาศใน พ.ร.ฎ.2505 ซึ่งพื้นที่นี้ ครม.เห็นชอบให้อยู่ในแนวเขตเขาใหญ่ ตามโครงการแผนที่ One map เมื่อ ก.พ.2566
หลังจากนั้น ในวันที่ 15 ก.พ.2567 สคทช. ก็มีหนังสือมาถึง เลขาธิการ ส.ป.ก. ว่ามี "คนในแปลง" ที่ออกเอกสารสิทธิไปแล้ว และเกิดปัญหาว่าเป็นพื้นที่ทับซ้อน ร้องขอความเป็นธรรมมา และ มีความชัดเจนเรื่องการตรวจสอบแนวเขตแล้ว จึงมีหนังสือมายังสำนักเลขาฯ เพื่อให้ดำเนินการพิจารณาแก้ปัญหาต่อไป
แปลงพิพาทที่มีหนังสือตอบกลับเรื่องแนวเขต อยู่ห่างไปจาก 5 แปลง ที่เป็นข่าวเข้าไปจับกุมเมื่อเดือน ธ.ค.ปีที่แล้วไปราวๆ 800 เมตร นี่จึงไม่แปลกที่ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร มั่นใจว่า เส้นสีน้ำเงิน คือแนวเขตที่ถูกต้องสำหรับเรื่องนี้
อ่าน : 4 มี.ค.นัดถกปมเดือด “ชัยวัฒน์” เมินใช้แผนที่ทหารสอบ ส.ป.ก.รุก
มันไม่ถูกต้องอยู่แล้ว ผมฟันธงเลยว่าระเบียบของ ส.ป.ก. ออกมาโดยมิชอบ ใครเป็นคนออก ใครเป็นคนเซ็น คณะกรรมการเป็นใคร ผมมองยังไงเรื่องนี้ก็ทุจริต 100% คนที่ได้ประโยชน์ไม่ใช่ชาวบ้าน เป็นกลุ่มทุนที่สืบแล้ว รู้ว่าตัวละครเป็นใคร ผมถึงน้อยใจหน่วยงานของรัฐด้วยกัน เช่น กรมแผนที่ทหาร ที่ออกแผนที่ลักษณะแบบนี้ กลุ่มก้อนที่ทำกันอยู่นี้มาโดยมิชอบ ในการวางผัง การได้คนมา การไปวางคนในตำแหน่งต่างๆ
คุณก็รู้ ทุกคนรู้หมด มีคำสั่งศาลว่าคดีนี้คดีใคร เรื่องราวมีขบวนการ มีใคร อยู่ตรงไหน อยู่กับใคร เป็นผู้ยากไร้จริงหรือไม่
ด้าน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะที่กำกับดูแล ส.ป.ก. ก็พยายามจะชี้แจงว่าการรังวัดเกิดมาก่อน และรู้ตัวคนที่อยู่เบื้องหลัง โดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ระบุว่า เรื่องนี้จะมาพุ่งเป้าถึงตนเองได้อย่างไร รังวัดตั้งแต่ตนยังไม่ได้เป็นรัฐมนตรี ถ้ามีการทำอะไรโดยมิชอบ หรือหมายถึงมีการเตรียมการไว้ ต้องสอบให้ถึงที่สุด
เรารู้หมดแล้วว่าใครอยู่เบื้องหลัง และเราไม่ละเว้น
อ่าน : "ธรรมนัส" ลั่นยึดนโยบายนายกฯ ปมที่ดิน ส.ป.ก. - ย้ำระดับผู้บริหารคุยจบแล้ว
วันจันทร์ที่ 4 มี.ค.นี้ เวลาประมาณ 10.00 น. ปลัด 2 กระทรวง เจ้าหน้าที่ ส.ป.ก. เจ้าหน้าที่อุทยานฯ จะนัดหารือกัน และ นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยืนยันว่า "จันทร์นี้ต้องจบในหลักการเรื่องแนวเขตที่ดิน"
เดี๋ยวจะเชิญมาคุยทั้งหมด ระหว่าง ส.ก.ป. - ปลัดเกษตร - อุทยานป่าไม้ มาหารือ กำหนดมาตรการเรื่องการออก ส.ป.ก. หารือคุยกันในหลักการและทำ MOU เดี๋ยววันจันทร์นี้นัดคุยกัน