- ลูกหนี้ เข้าปรับโครงสร้าง 5 พันคน “กยศ.”ถอนฟ้องผู้ค้ำพ้นผิดทันที
- ไทยเข้าสู่ฤดูร้อนแล้ว อุณหภูมิสูงสุด 44.5 องศา สิ้นสุดกลาง พ.ค.
ใครจะคาดคิดว่า งานปาร์ตี้ฉลองครบรอบวันเกิด ที่ นุ่น-ชลลดา วัย 27 ปี จัดให้กับ ทอย-ศิริชัย สามี ครบรอบอายุ 33 ปี เมื่อคืนวันที่ 17 ก.พ.2567 ที่ผ่านมา จะเป็นคืนสุดท้ายของการมีชีวิตอยู่ของเธอ...และโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับนุ่น-ชลลดา ถือเป็นเรื่องที่โหดร้าย และน่าหดหู่ เหี้ยมโหด จากฝีมือของคนที่เคยรักกัน
18 ก.พ.2567 เฟิร์น เพื่อนของนุ่น-ชลลดา โพสต์เฟซบุ๊ก ตามหาเพื่อน ข้อความระบุว่า ติดต่อเพื่อนไม่ได้มากกว่า 24 ชั่วโมงแล้ว หลังจากเมื่อวันเสาร์ที่ 17 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้มีการนัดกินเลี้ยงวันเกิดสามีเพื่อนกันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านถนนเลียบด่วนรามอินทรา หลังจากร้านปิด 01.00 น.ก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
ในโพสต์ ระบุว่า ทอย-สามีของเพื่อน เล่าว่า เพื่อนกับสามีจะต้องขับรถกลับบ้านที่นนทบุรี และระหว่างขับรถกลับบ้านก็มีเรื่องทะเลาะกัน แล้วเพื่อนก็ได้ลงจากรถซึ่งเป็นซอยที่ใกล้จะถึงบ้าน ตั้งแต่วันที่อาทิตย์ที่ 18 ก.พ. ช่วงเวลาประมาณ 03.00 น.กังวลว่า จะเกิดอันตรายเพราะเวลาก็ค่อนข้างดึก ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีใครสามารถติดต่อได้เลย โดยปกติแล้วเพื่อนจะออนไลน์อยู่ในโซเชียลตลอด หากใครพบเห็น ให้ช่วยแจ้ง ทุกคนเป็นห่วงมาก ตอนท้ายโพสต์ ยังระบุอีกว่า ตอนนี้ทางสามีของเพื่อนได้แจ้งความไปแล้ว
กลางดึกคืนนั้น เฟิร์น บอกว่า หลังจากแยกย้าย ได้โทรศัพท์คุยกับนุ่น เพื่อสอบถามเส้นทาง ได้ยินทอย บอกเส้นทางมาตามสาย และในช่วงท้ายได้ยินเสียงโต้เถียงระหว่าง “นุ่น และทอย” สุดท้าย เสียงโทรศัพท์ตัดไป
บิว ไม่ใช่เพื่อนของ เฟิร์น บิว และนุ่น แต่เป็นพนักงานขับรถที่ทำหน้าที่ขับรถแทนคนที่ไปดื่ม ย่านถนนแจ้งวัฒนะ บริเวณก่อสร้างรถไฟฟ้า เขาเล่าผ่านรายการลุยชนข่าวช่อง 8 ว่า ผ่านไปเห็นเหตุการณ์ก่อนที่นุ่นจะเสียชีวิต
ในช่วงที่ทอย ศิริชัยทำร้ายนุ่นและเธอยังนอนไม่ได้สติตรงพื้นถนน โดยพบสองคนนี้ ตอนตี 1 กว่าๆ โดยตอนแรกเข้าใจว่า ภรรยาอาจมีอาการเมา และสามีพยายามปลุก เขาจึงไม่ได้สนใจอะไรมากกว่านั้น
ในขณะที่ ทอย บอกกับเพื่อนและคนใกล้ชิดว่า ทะเลาะกับนุ่น และนุ่นกระโดดลงไปจากรถทั้งๆ ที่ใกล้จะถึงบ้านในเวลาตี 03.00 น. เช้าวันรุ่งขึ้นของวันที่ 19 ก.พ.เวลา 10.45 น. เขาโพสต์ข้อความ ประกาศตามหาคนหาย เวลาตั้งแต่ 01.00-03.00 น. ในวันที่ 18 ก.พ. ซึ่งวันที่ 17 ก.พ.ได้ไปกินเลี้ยงที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านเรียบด่วน ใส่เสื้อลูกไม้สีขาว-ดำ สวมสร้อยข้อมือด้านซ้าย หากผู้ใดพบเห็นให้ติดต่อกลับ
ทั้งที่ข้อเท็จจริง คือ ทอย-ศิริชัย ได้นำร่างของนุ่นไปเผาอำพรางที่ จ.ปราจีนบุรี ตั้งแต่ช่วงเที่ยงของวันที่ 18 ก.พ.แล้ว
แต่ทอย-ศิริชัย ย้อนรอยมากลบเกลื่อน หลังจากสร้างหลักฐานเท็จ โพสต์ตามหานุ่น อีกทั้งยังไปแจ้งความลงบันทึกข้อความคนหายที่ สน.ปากเกร็ด พร้อมแม่ของนุ่น กล้าอุ้มลูกเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ปากเกร็ด เพื่อให้ช่วยติดตามหาตัว
อ่านข่าว : สามีรับฆ่า "น้องนุ่น" ภรรยา นำร่างเผาที่ปราจีนบุรี - คุมทำแผนวันนี้
ทอย-ศิริชัย บอกกับผู้สื่อข่าวว่า อยากให้นุ่นกลับมา ถือว่าเห็นแก่ลูก เพราะเวลาทะเลาะกันก็จะออกจากบ้านไปแบบนี้เสมอ แต่ครั้งนี้หนีไปเลย คาดว่าเพราะตนพูดประชดแรง ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะติดต่อยังไง ยอมรับเคยมีทะเลาะกันรุนแรง ถึงขั้นลงไม้ลงมือจนเลือดตกยางออก แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้ทำอีกเลย
วันเดียวกัน ย้อนกลับไปที่ “บิว” ในฐานะผู้เห็นเหตุการณ์ในคืนนั้น เห็นข่าวคนหายและภาพสามีอุ้มลูกแจ้งความ ด้วยความเป็นคนช่างสังเกต ในคืนเกิดเหตุแม้จะมืด แต่เขาจำรถบีเอ็มสีขาว และจำผู้ชายที่อุ้มลูกแบบในข่าวที่เห็น จึงเอ๊ะ! ในใจ
และเชื่อว่า ผู้ชายคนนี้น่าจะบิดเบือนทั้งในเรื่องสถานที่ และเวลา ทั้งที่ตอนแรกบอกว่าทะเลาะกับเมีย โดยเมียหนีไปขึ้นแท็กซี่ช่วงตี 3 แถวเมืองทองธานี และสภาพผู้หญิงที่เขาเห็น และเชื่อว่าน่าจะไม่สามารถนำตัวเองไปขึ้นแท็กซี่ได้
ในวันที่ 19 ก.พ.2567 บิว ไปทำงานขับรถ และผ่านไปบริเวณดังกล่าว จึงเดินไปถ่ายคลิปจุดที่พบนุ่นและทอย-ศิริชัย และพยายามติดต่อ เฟิร์นและแม่ของนุ่น พร้อมทั้งส่งคลิปให้เพื่อนๆ ของนุ่นดู
อ่านข่าว : คุมตัว "ศิริชัย" ฆ่า "น้องนุ่น" ทำแผน - ตร.แจ้ง 2 ข้อหาหนัก
20 ก.พ.2567 ทอย-สามีของนุ่น ตรวจสอบพิกัด GPS ของโทรศัพท์ภรรยา จุดสุดท้ายพบในพื้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา ตำรวจ สภ.ปากเกร็ด จึงประสานตำรวจตรวจคนเข้าเมือง จ.สระแก้ว พบข้อมูลนุ่น มีประวัติเดินทางจากฝั่งปอยเปต เข้ามายังประเทศไทย เมื่อวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมา
วันเดียวกัน ตำรวจฝ่ายสืบสวนได้หลักฐานเป็นภาพจากกล้องวงจรปิด บันทึกภาพขณะทอย-ศิริชัย ลงมือทำร้ายร่างกาย นุ่น ทั้งเตะ ต่อยและใช้เท้ากระทืบ อย่างโหดร้ายอยู่บริเวณริมถนน นานกว่า 10 นาที ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจคุมตัวทอย-ศิริชัย มาสอบสวนที่ สภ.ปากเกร็ด หลังพบคำให้การมีพิรุธหลายประเด็น ไม่ตรงกับคำให้การ ในที่สุดทอยยอมรับว่า สารภาพเป็นคงลงมือฆ่าภรรยา จากนั้นนำศพขึ้นรถไปทิ้งที่ จ.ปราจีนบุรี
ห่างกันไม่นานนัก เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบร่างหญิงถูกเผาไหม้ ลักษณะคล้ายการอำพรางคดีในป่าละเมาะ บ้านมาบเหียง หมู่ 10 ต.หนองโพรง อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ในจุดเกิดเหตุยังพบเลสทองข้อมือ ในกองเถ้าถ่านถูกเผาไปบางส่วน ลักษณะคล้ายกับเลสทองข้อมือของนุ่นที่หายตัวไป
และจากการพิสูจน์หลักฐานของ ภ. จ.ปราจีนบุรี และตำรวจ สภ.ศรีมหาโพธิ รวมทั้งตำรวจ สภ.ปากเกร็ด ในที่สุดทอย-ศิริชัย รับสารภาพว่า นำศพนุ่นใส่กระเป๋าเดินทางมาเผาเพื่อทำลายหลักฐานจริง
เมื่อวันที่ 21 ก.ะ.2567 สภ.ระเบาะไผ่ แจ้งไปทาง สภ.ปากเกร็ดว่า พบศพแล้ว โดยทอย-ศิริชัย เปิดปากสารภาพหมดเปลือก โดยระบุว่า สาเหตุเกิดจากอาการมึนเมาจากการดื่มสุรา มีปากเสียงกัน จนทำให้เกิดการทำร้ายร่างกายระหว่างเดินทางกลับบ้าน
หลังทำร้ายนุ่นโดยใช้ก้อนหินทุบศรีษะจนบอบช้ำ ทอย-ศิริชัย ได้นำร่างของนุ่นที่ยังไม่เสียชีวิตกลับบ้าน แต่กลับไปทำร้ายร่างกายกันอีกครั้งในบ้านพัก ทอยบอกกับตำรวจว่า หลังทำร้ายนุ่นอีกครั้งเขาเมาหลับไป แต่ตื่นมาก็พบว่า นุ่นเสียชีวิตแล้ว
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาทอย ศิริชัย “ฆ่าคนตายโดยเจตนา และซ่อนเร้นอำพรางศพ” ถือว่า ปิดคดีดังได้ภายใน 3 วัน
อ่านข่าวเพิ่ม :
ไทม์ไลน์คดี “น้องนุ่น” ถูกสามีฆาตกรรมอำพรางศพ
เมื่อ "ผู้ร้าย" คือ "ชายที่รัก" คดีฆาตกรรมอำพราง "นุ่น ชลลดา"