วันนี้ ( 20 ก.พ.2567) นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หลังจากรัฐบาลผลักดันนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ ยกเว้นการตรวจลงตรา (VISA FREE) และเพิ่มระยะเวลาพำนักให้กับนักท่องเที่ยวในหลายประเทศ รวมทั้งรุกตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย
โดยการรักษากลุ่มเป้าหมายเดิม หรือเปิดเจรจากับกลุ่มเป้าหมายใหม่ เช่น ซาอุดีอาระเบีย รวมถึงความพยายามในการเพิ่มเที่ยวบินระหว่างประเทศเพื่ออำนวยความสะดวกและลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ส่งผลให้ถึงปัจจุบันมีเส้นทางบินใหม่เพิ่มขึ้น (New Route) ถึง 23 เส้นทาง และมีเที่ยวบินประจำเพิ่มขี้นอีก (New Flight) ไม่น้อยกว่า 50 เที่ยวบิน จาก 32 สายการบิน
ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทย สะสม 49 วัน( 1 ม.ค.-19 ก.พ.) พบว่า มีจำนวนทะลุกว่า 5.2 ล้านคน โดยนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเป็นอันดับหนึ่ง ถึง 990,000 คน หากยังคงรักษาระดับนี้ต่อไปได้ เชื่อว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติรวมทั้งปีน่าจะไปถึงเป้าหมายที่ 35 ล้านคน รวมถึงเป้านักท่องเที่ยวจีน 8 ล้านคน ตามที่รัฐบาลคาดหวังไว้
“หอการค้าฯเห็นด้วยที่มีการเก็บค่าธรรมเนียมการเข้าประเทศของนักท่องเที่ยวต่างชาติ เชื่อว่ารายได้ส่วนนี้จะนำมาพัฒนาคุณภาพและกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวไทยได้อีกมาก และหากเริ่มเก็บค่าธรรมเนียมได้ทันทีในไตรมาส 2 คาดว่าจะมีเม็ดเงินเข้ามาใช้ขับเคลื่อนภาคท่องเที่ยวในปีนี้ไม่น้อยกว่า 8,000 ล้านบาท”
สำหรับนักท่องเที่ยวไทยเองปีนี้ยังคงดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนม.ค. ที่ผ่านมามีจำนวนผู้เดินทางสูงถึง 14.2 ล้านคนครั้ง สร้างรายได้ถึง 8 หมื่นล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 6 และร้อยละ 9 ตามลำดับ
ทะเลไทย
หอการค้าฯ อยากให้รัฐบาลใช้โอกาสนี้ในการกระจายนักท่องเที่ยวและรายได้เหล่านี้ไปยังเมืองรองเป้าหมาย อาจสนับสนุนเรื่องค่าใช้จ่าย การเดินทาง ที่พัก อาหาร หรือการท่องเที่ยวบางส่วน เพื่อกระตุ้นให้เกิดกระแสการเดินทางท่องเที่ยวไปในจังหวัดเมืองรอง
ประธานหอการค้าไทย ยังกล่าวอีกว่า การกระตุ้นกิจกรรมท่องเที่ยวในรูปแบบงาน Event ต่างๆ ช่วยสร้างบรรยากาศการท่องเที่ยวได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการจัดงานเทศกาล Thailand Winter Festival ที่มีกิจกรรมย่อยกระจายไปในแต่ละพื้นที่ครอบคลุมทั่วประเทศ
การเพิ่มวันหยุดยาวช่วงสงกรานต์ และการขยายผล Happy Model ร่วมกับภาคเอกชน จะยิ่งช่วยการท่องเที่ยว ทั้งเมืองหลัก-เมืองรอง สร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการไทย ดังนั้นเชื่อว่าเทศกาลมหาสงกรานต์ปีนี้จะคึกคักมาก
อย่างไรก็ตาม การยกระดับคุณภาพ และการรองรับบริการที่เพียงพอของผู้ประกอบการ ถือเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งภาคเอกชนพร้อมให้ความร่วมมือกับภาครัฐ เพื่อประเมิน Carrying Capacity ของแต่ละพื้นที่และกระจายนักท่องเที่ยวออกไปให้เหมาะสม
รวมถึงสนับสนุนเงินให้กับผู้ประกอบการในการพัฒนาคุณภาพ และเพิ่มกำลังการรองรับที่เพียงพอ ซึ่งนอกจากจะสร้างภาพลักษณ์ที่ดีแล้วยังช่วยยกระดับการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวให้สูงขึ้นด้วย
อ่านข่าวอื่นๆ:
พาณิชย์ ส่งออก"ข้าวหอมมะลิ - ลุยเปิดร้านแฟชัน" รุกตลาดฮ่องกง