วันนี้ (20 ก.พ.2567) นายภัณฑิล จงจิตรตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลัง นายแหลม ชุนวา พาร์สัน (LAM CHUN-WAH Parson) ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกง ประจำ กรุงเทพมหานคร คนใหม่ เข้าหารือเพื่อขยายความร่วมมือทางธุรกิจ การค้า การลงทุน ความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย-ฮ่องกง และสนับสนุนธุรกิจและสินค้าไทยสู่ตลาดฮ่องกง
นายภัณฑิล จงจิตรตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ หารือ นายแหลม ชุนวา พาร์สัน (LAM CHUN-WAH Parson) ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกง ประจำ กรุงเทพมหานคร
โดยฝ่ายไทยมีนโยบายผลักดัน Soft Power ทั้งด้านสินค้าและบริการไปยังต่างประเทศ ผ่านสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองฮ่องกง โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและอาหาร เป็นสินค้าที่ไทยส่งออกไปฮ่องกงมาอย่างต่อเนื่อง อย่างข้าวหอมมะลิ และผลไม้
ข้าวหอมมะลิไทย เป็นสินค้าที่ชาวฮ่องกงให้ความเชื่อมั่น และไทยมีความพร้อมที่จะส่งออกข้าวและผลไม้ในปริมาณที่เพิ่มขึ้นตามความต้องการของตลาดฮ่องกง ปัจจุบันไทยให้ความสำคัญด้านนวัตกรรมอาหาร (Future Food) ที่เหมาะสมกับวิถีชีวิตของคนฮ่องกง
ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ กล่าวอีกว่า ปี 2567 ไทยจะจัดงานแสดงสินค้าสำคัญจำนวน 7 งาน ตั้งแต่เดือนก.พ.-ก.ย.2567 เช่น ช่วงเดือนม.ค. งานแสดงสินค้า THAIFEX–HOREC Asia และงาน STYLE Bangkok ช่วง พ.ค.-มิ.ย.จะเป็นงาน THAIFEX-ANUGA ASIA ส่วนเดือนส.ค. งาน Tilog-LogistiX และเดือน ก.ย.งานแสดสินค้า Bangkok RHVAC and Bangkok E&E และ Bangkok Gems & Jewelry Fair
ข้าวหอมมะลิไทย
อย่างไรก็ตาม นายแหลม ชุนวา พาร์สัน แจงว่า ทางฮ่องกงเองมีความต้องการที่จะส่งเสริมธุรกิจไทยไปฮ่องกง โดยภาคธุรกิจที่น่าสนใจ สำหรับตลาดฮ่องกง ได้แก่ สินค้าแฟชั่น ปริมาณการซื้อสินค้าแฟชั่นฮ่องกงเติบโตร้อยละ 43 เมื่อปีที่ที่ผ่านมา
ขณะที่อัญมณีและเครื่องประดับ เติบโตร้อยละ 55 ส่วน Food Tech ฮ่องกงมีความต้องการอาหารทางเลือกมากขึ้น เช่น โปรตีนทางเลือกและอาหารสุขภาพ นอกจากนี้ ฮ่องกงได้กล่าวถึงการจัดงาน The Thailand - Hong Kong Business Forum ในวันที่ 18 มี.ค.2567
ปัจจุบัน นักลงทุนฮ่องกง เป็นนักลงทุน อันดับที่ 6 ในไทย ด้วยมูลค่าการลงทุน 39,000 ล้าน ธุรกิจฮ่องกงในไทย ได้แก่ ViU (video streaming) , Klook (travel booking), LaLamove (logistics) และฮ่องกงเป็นแหล่งส่งออกอันดับที่ 7 ของสินค้าไทยเมื่อปีที่ผ่านมา มียอดส่งออกที่ 380,000 ล้านบาท
ส่วนธุรกิจไทยที่มีในฮ่องกงแล้ว ได้แก่ ด้านการเงิน ด้านอาหารและเครื่องดื่ม และห้างค้าปลีก สำหรับ Hong Kong Economic and Trade Office (HKETO) เป็นสำนักงานตัวแทนให้กับรัฐบาลฮ่องกงในระดับภูมิภาค มีสาขาอยู่ในไทยจะรับผิดชอบประเทศอื่นด้วย ได้แก่ กัมพูชา เมียนมา และบังคลาเทศ
หน้าที่ คือ สร้างความสัมพันธ์ทางการค้าแบบทวิภาคี ระหว่างฮ่องกงและไทย ซึ่งรวมถึงการสร้างความสัมพันธ์กับรัฐบาล การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และการค้าและการลงทุน และตั้งในประเทศไทยมาเพียง 5 ปี จึงมีความมุ่งมั่นในการสร้างความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับไทยยิ่งขึ้น
อ่านข่าวอื่นๆ:
“ส่งออกไทย” เจอพายุรอบทิศ “กบฏฮูตี-ศก.โลก-เงินบาทลด”
สภาพัฒน์ เผย ศก.ไทยปี 66 GDP โต 1.9% แนะแบงก์ชาติทบทวนนโยบายการเงิน