เพราะการพ้นจากเรือนจำที่ความจริงไม่เคยได้อยู่ข้ามคืนเลยแม้แต่วันเดียว ในทางการเมืองถือได้ว่า “พ้นจากพงหนาม” แก้ข้อครหาเป็นนักโทษหนีคุก เสมือนได้ลบประวัติในเชิงลบที่เป็นจุดด้อยออกไปเสียที ได้เวลากลับไปใช้ชีวิตอิสระ ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า ได้เลี้ยงหลานดังที่เคยตั้งใจไว้
ที่ไม่อาจปฏิเสธได้ คือการมามีบทบาททางการเมืองอีกครั้งหนึ่ง แม้อาจจะเป็นเพียงผู้คอยให้คำแนะนำอยู่หลังฉากในทางทฤษฎี แต่ในทางปฏิบัติเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
จึงอาจเป็นเรื่องแปลกที่เมื่อมีคนไปถาม “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เรื่องนายทักษิณมีชื่อได้รับการพักโทษหลังครบ 6 เดือน จะทำให้สถานการณ์การเมืองจะเปลี่ยนไปหรือไม่
“บิ๊กป้อม” ตอบทันควันว่า จะไปทราบได้อย่างไร ยังไม่รู้ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร เมื่อถามย้ำว่า จะยินดีกับนายทักษิณด้วยหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกลับปฏิเสธไม่ตอบ
เหตุการณ์แบบนี้บางคนอาจบอกว่าไม่ใช่เรื่องผิดปกติ เพราะ”บิ๊กป้อม”มักไม่ค่อยตอบคำถามสื่อครบทุกข้ออยู่แล้ว แต่ในอีกมุมหนึ่ง ก็อาจไม่สนใจเรื่องนายทักษิณก็เป็นได้
เนื่องจากที่ผ่านมา แม้จะเคยมีข่าว “ดีลลับ” ของทั้งคู่เรื่องจับมือตั้งรัฐบาลหลายครั้ง ตั้งแต่ก่อนเลือกตั้งพฤษภาคม 2566 แต่ได้รับการปฏิเสธทุกครั้ง แม้สุดท้ายพรรคพลังประชารัฐได้เข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย แต่ไม่ใช่เป็นพรรคอันดับต้นๆ
ทำให้ถูกตั้งข้อสังเกตได้ว่า ปัจจัยหนึ่งอาจมาจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่มักด้อยค่า และพูดกระทบถึงรัฐบาลพรรคเพื่อไทยว่า เป็นต้นตอสำคัญที่สร้างปัญหา โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจให้กับประเทศ จนรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ต้องตามแก้ พล.อ.ประวิตร ที่เป็นหนึ่งใน 3 ป.ก็คอยสนับสนุนข้อกล่าวหาดังกล่าวอยู่เนือง ๆ
หนักที่สุด เมื่อครั้งครบรอบ 12 ปีการรัฐประหาร ที่นายทักษิณ โพสต์ข้อความ 19 ก.ย.2561 อโหสิกรรมให้ทุกคนที่ให้ร้ายกลั่นแกล้งในวาระครบ 12 ปี รัฐประหาร 19 ก.ย.2549 มีคนได้ดีและร่ำรวยจากรัฐประหารทั้ง 2 ครั้ง
“บิ๊กป้อม” จึงสวนกลับว่า บ้านเมืองยังวุ่นวายอยู่ถึงขณะนี้เป็นเพราะใคร แต่ไม่ใช่ คสช.แน่นอน และฟาดกลับว่ามีเรื่องทำผิดเป็นคดีความอยู่ ให้ไปเคลียร์ให้เสร็จก่อน
นำไปสู่การโพสต์ข้อความกลับอีกครั้ง ผ่านทวิตเตอร์ของนายทักษิณว่า “ท่าทีและน้ำเสียงขึงขังน่ากลัวจัง ไม่นุ่มนวลอ่อนหวานเหมือนตอนมาเกาะโต๊ะขอเป็น ผบ.ทบ.เลย”
มีนัยดิสเครดิตแบบไม่ไว้หน้าอยู่ในที ทำให้กูรูการเมืองส่วนหนึ่งเชื่อว่า อาจเป็นเพราะกรณีนี้หรือไม่ ที่สร้างความหมางเมินมันตึงของทั้งคู่นับแต่นั้น
พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
แต่ภารกิจสำคัญของ “บิ๊กป้อม” ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นอกจากหวังสร้างความเป็นเอกภาพในพรรค เพื่อประคับประคอง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ ที่เจองานเข้าตลอด
ทั้งโดนปล่อยข่าวมีปัญหาสุขภาพถึงขั้นต้องลาออกจากครม. การอยู่อย่างโดดเดี่ยวในพรรคไม่มีเพื่อนไม่มีพวก รวมถึงเรื่องไม่ยอมไปตอบกระทู้สดในสภา
ยังมีภารกิจสำคัญอีกอย่าง ต้องคอยรักษาและทวงตำแหน่งรัฐมนตรีที่เป็นโควต้าของพรรคพลังประชารัฐอีก 1 ตำแหน่งที่เคยถูกจองเป็นของนายไผ่ ลิกค์ คนสนิทของ ร.อ.ธรรมมนัส แต่อาจติดเรื่องคุณสมบัติบางอย่าง ทำให้ พปชร.ต้องสูญเสียสิ่งที่พึงได้นานกว่า 6 เดือนแล้ว
เป็นพันธกิจในช่วงเวลาที่พรรคเพื่อไทยถือแต้มต่อสูงในมือ เพราะยังมีพรรคประชาธิปัตย์เป็นตัวแปรในมือ มิหนำซ้ำตัวหารจากจำนวน สส.มีน้อยกว่า จะส่งผลให้พรรคแกนนำจะได้เก้าอี้รัฐมนตรีเพิ่มเช่นกัน
จึงอาจเป็นสาเหตุสำคัญ ทำให้”บิ๊กป้อม”ยังไม่กล้าทวงหรือขยับอะไรมากในช่วงนี้
ยังไม่นับตำแหน่ง “บิ๊กบราเธอร์” ที่เลื่องลือในอดีตก่อนหน้านี้ กำลังอ่อนแรงลง เมื่อเทียบกับ “นายใหญ่” ที่กลับมาใหญ่
วิเคราะห์ : ประจักษ์ มะวงศ์สา