วันนี้ (12 ก.พ.2567) เวลา 09.00 น. ที่แผนกเรือราชพิธี กองเรือเล็ก กรมการขนส่งทหารเรือ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผบ.ทร. เป็นประธานในพิธีเปิดการฝึกครูฝึกฝีพายเรือพระราชพิธี (นายเรือ นายท้าย) โดยมี พล.ร.ท.วิจิตร ตันประภา รองเสนาธิการทหารเรือ สายงานกำลังพล ในฐานะประธานคณะจัดเตรียมความพร้อมขบวนเรือพระราชพิธี พร้อมทั้งคณะอนุกรรมการฝ่ายฝึกซ้อมกำลังพลฝีพาย ให้การต้อนรับ
สำหรับการฝึกครูฝึกฝีพายเรือพระราชพิธี ถือเป็นขั้นตอนสำคัญขั้นตอนแรกของการเตรียมความพร้อมขบวนเรือในงานพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องจากก่อนการอัญเชิญเรือราชพิธีลงจากคาน เพื่อทำการฝึกซ้อมฝีพายในน้ำ ต้องประกอบพิธีบวงสรวงเรือครูฝึกฝีพายเรือราชพิธี โดยใช้เรือรุ้งประสานสายและเรือเหลืองใหญ่ ซึ่งเป็นเรือฝึกครูฝึกฝีพาย ประกอบด้วย การฝึกครูฝึกฝีพาย การฝึกนายเรือ และการฝึกนายท้าย เพื่อให้กำลังพลที่เป็นฝีพายประจำเรือพระราชพิธี มีความรู้ความเข้าใจในรูปแบบการพาย และการปฏิบัติต่างๆ เป็นไปในทิศทางเดียวกัน
ทั้งนี้ เมื่อกำลังพลที่เข้ารับการฝึกข้างต้นเสร็จสิ้น จะได้รับหน้าที่เป็นครูฝึกฝีพายเรือพระราชพิธีของหน่วยรับเรือที่ตนสังกัด ได้แก่ การฝึกพายเรือบนบก (การฝึกพายบนเขียงฝึก) และการฝึกพายเรือในน้ำ เพื่อให้มีทักษะการบังคับเรือในน้ำ และหลังจากนั้นจะเข้าสู่การฝึกปรับรูปกระบวนในแม่น้ำเจ้าพระยาต่อไป
ในส่วนของการจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ไม่มีหลักฐานที่มาของการจัดริ้วขบวนเรือที่ชัดเจน แต่มีการสันนิษฐานว่า ในสมัยพระเจ้าลิไท พระร่วงได้เสด็จไปลอยกระทงโดยเรือ หรือพิธีจองเปรียง ณ กลางสระน้ำ รวมทั้งมีการจัดขบวนเรือพระที่นั่งไปรับพระศรีศรัทธาราชจุฬามุนีศรีรัตนลังกาทีปมหาสามี จากลังกามายังกรุงสุโขทัย
ต่อมา พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว (ในหลวงรัชกาลที่ 10) เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยศักดิ์เป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ได้เสด็จพระราชดำเนินโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค จำนวน 3 ครั้ง
ซึ่งในครั้งแรก พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร (ในหลวงรัชกาลที่ 9) ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ เสด็จพระราชดำเนินแทนพระองค์ ในพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในโอกาส มหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2555 ณ วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร
ครั้งที่สอง เป็นการเชิญเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เทียบที่ท่าราชวรดิษฐ์ ในพระราชพิธีเสด็จออกมหาสมาคม เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2562
และในครั้งที่สาม พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม พุทธศักราช 2562
ทั้งนี้ ในส่วนของรูปแบบการจัดขบวนเรือพยุหยาตราทางชลมารค ในครั้งนี้ใช้เรือจำนวนทั้งสิ้น 52 ลำ ซึ่งจัดขบวนเป็น 5 ริ้ว ความยาว 1,200 เมตร กว้าง 90 เมตร โดยใช้กำลังพลประจำเรือในขบวนเรือพระราชพิธี รวมทั้งสิ้น 2,200 นาย และในขบวนเรือประกอบด้วยเรือประเภทต่าง ๆ ดังต่อไปนี้
- เรือริ้วสายกลาง จำนวน 10 ลำ ประกอบด้วย
1.1 เรือพระที่นั่งทรง จำนวน 1 ลำ คือ เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เป็นเรือพระที่นั่ง ซึ่งพระเจ้าแผ่นดินทรงประทับ
1.2 เรือพระที่นั่งรอง จำนวน 2 ลำ คือ เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9 และเรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์
1.3 เรือทรงผ้าไตร จำนวน 1 ลำ คือ เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช - เรือกลองใน - เรือกลองนอก จำนวน 2 ลำ ประกอบด้วย
2.1 เรือกลองใน คือ เรือเรือแตงโม เป็นเรือสำหรับ ผู้บัญชาการขบวนเรือ
2.2 เรือกลองนอก คือ เรืออีเหลือง เป็นเรือสำหรับ รองผู้บัญชาการขบวนเรือ
2.3 เรือตำรวจ จำนวน 3 ลำ ประกอบด้วย เรือตำรวจ 1 - 3 ซึ่งเป็นเรือสำหรับคุ้มกันขบวนเรือพระที่นั่งภายในขบวน
2.4 เรือแซง จำนวน 1 ลำ คือ เรือแซง 7 ซึ่งเป็นเรืออารักขาพระมหากษัตริย์ ปิดท้ายขบวน - เรือริ้วสายใน จำนวน 2 ริ้ว ริ้วละ 7 ลำ รวมเป็น 14 ลำ ประกอบด้วย
3.1 เรือประตูหน้า จำนวน 2 ลำ ประกอบด้วย เรือทองขวานฟ้า และเรือทองบ้าบิ่น เป็นเรือนำริ้วขบวน
3.2 เรือพิฆาต จำนวน 2 ลำ ประกอบด้วย เรือเสือทะยานชล และเรือเสือคำรณสินธุ์ เป็นเรือนำขบวนที่ใช้ในการรบ
3.3 เรือรูปสัตว์ จำนวน 8 ลำ ประกอบด้วย เรืออสุรวายุภักษ์ เรืออสุรปักษี เรือกระบี่ราญรอนราพณ์ เรือกระบี่ปราบเมืองมาร เรือพาลีรั้งทวีป เรือสุครีพครองเมือง เรือครุฑเหินเห็จ และเรือครุฑเตร็จไตรจักร เป็นเรือที่แกะสลักหัวเรือเป็นรูปสัตว์จริงหรือสัตว์ในเทพนิยาย เพื่อบอกถึงเรือลำใดเป็นของกรมใด หรือขุนนางผู้ใด
3.4 เรือคู่ชัก จำนวน 2 ลำ ประกอบด้วย เรือเอกไชยเหินหาว และเรือเอกไชยหลาวทอง เป็นนำหน้าหรือชักลากเรือพระที่นั่ง - เรือริ้วสายนอก จำนวน 2 ริ้ว ริ้วละ 14 ลำ รวม 28 ลำ ประกอบด้วย
4.1 เรือดั้ง จำนวน 22 ลำ ประกอบด้วย เรือดั้ง 1 – 22 เป็นเรือป้องกันขบวนส่วนหน้า
4.2 เรือแซง จำนวน 6 ลำ ประกอบด้วย เรือแซง 1 - 6 เป็นเรืออารักขาพระมหากษัตริย์
ในส่วนของแผนปฏิบัติงานการเตรียมความพร้อมการจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารค 2567 ของกองทัพเรือ มีรายละเอียดในการแบ่งงานการเตรียมความพร้อมออกเป็น 6 กลุ่มหลักดังนี้
- การเตรียมความพร้อมด้านกำลังพลและการฝึกซ้อมฝีพาย ประกอบด้วย
1.1 จัดกำลังพลประจำเรือ ระหว่าง 3 มกราคม – 6 กุมภาพันธ์ 2567 รวม 25 วันงาน
1.2 ฝึกครูฝึกฝีพาย ระหว่าง 12 กุมภาพันธ์ – มีนาคม 2567 รวม 20 วันงาน
1.3 ฝึกฝีพายบนเขียง ระหว่าง 18 มีนาคม – 16 พฤษภาคม 2567 รวม 40 วันงาน
1.4 ฝึกฝีพายในหน่วยในเรือในน้ำ ระหว่าง 28 พฤษภาคม – 30 กรกฎาคม 2567 รวม 40 วันงาน - การซ่อมทำเรือพระราชพิธีและการเตรียมท่าเทียบเรือ
2.1 อู่ทหารเรือธนบุรี กรมอู่ทหารเรือ สำรวจ และซ่อมทำเรือพระที่นั่ง และเรือรูปสัตว์ ตั้งแต่ ธันวาคม 2566 ให้เสร็จสิ้นภายใน 15 เมษายน 2567 เพื่อส่งให้กรมศิลปากร ตกแต่งตัวเรือ พร้อมทั้งซ่อมทำเรือดั้ง และเรือแซง ตั้งแต่ ธันวาคม 2566 ให้เสร็จสิ้นภายใน 15 เมษายน 2567
ทั้งนี้ ตั้งแต่ 6 มกราคม 2567 อู่ทหารเรือธนบุรี กรมอู่ทหารเรือ ได้เริ่มดำเนินการนำช่างจากบริษัทเอกชน เข้าซ่อมทำเรือพระราชพิธี ณ กองเรือเล็ก กรมการขนส่งทหารเรือ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเรือ พระราชพิธี คลองบางกอกน้อย และโรงเรือพระราชพิธีท่าวาสุกรี
2.2 กรมศิลปากร ซ่อมทำตกแต่งเรือพระที่นั่ง และเรือรูปสัตว์ ตั้งแต่ เมษายน 2567 ให้เสร็จสิ้นภายใน 30 มิถุนายน 2567
2.3 อู่ทหารเรือธนบุรี กรมอู่ทหารเรือ ซ่อมทำโป๊ะท่าเทียบเรือ ปักเสาผูกเรือพระราชพิธี วางทุ่น ให้เสร็จสิ้นภายใน กันยายน 2567 - การแต่งบทเห่เรือ จำนวน 4 บท โดย พล.ร.ต.ทองย้อย แสงสินชัย ประกอบด้วย
3.1 พระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา จำนวน 1 บท
3.2 พระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐิน จำนวน 3 บท เพื่อใช้ในการพระราชพิธีเฉลิมพระชนมพรรษา และงานพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐินโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค - การฝึกซ้อมขบวนเรือในแม่น้ำ ประกอบด้วย การซ้อมย่อย 10 ครั้ง การซ้อมใหญ่ 2 ครั้ง และซ้อมตรวจความเรียบร้อย 1 ครั้ง
- งานพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐิน โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ณ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ใน 27 ตุลาคม 2567
- การสำรวจ จัดเก็บเรือ และสรุปผลการปฏิบัติ
นอกจากนี้ ยังได้มีการส่งพนักงานเห่เรือพระราชพิธี ของกรมการขนส่งทหารเรือ เข้ารับการอบรมเพื่อเพิ่มทักษะการเห่เรือพระราชพิธี และรับคำแนะนำการขับเห่เรือพระราชพิธี จากคุณครูสมชาย ทับพร ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีไทยขับร้อง) วิทยากรสำนักการสังคีต กรมศิลปากร ตลอดจนขอรับการสนับสนุนการดำเนินการจากส่วนราชการและหน่วยงานต่าง ๆ ที่สำคัญ ประกอบด้วย
- กระทรวงสาธารณสุข สนับสนุนด้านการแพทย์ และสาธารณสุข เรือพยาบาล (ตามขบวนเรือเสด็จฯ) บุคลากรทางการแพทย์ ร่วมประจำจุดด้านการรักษาพยาบาล วัคซีนไข้หวัดใหญ่ สำหรับกำลังพล
- สำนักงานตำรวจแห่งชาติ อำนวยการจราจรทางบกและทางน้ำ ในส่วนที่เกี่ยวข้อง พร้อมกำกับดูแล รักษาความปลอดภัยตามเส้นทางขบวนเรือ ตลอดจน เปิด - ปิด เส้นทางการจราจร ช่วงการซ้อมใหญ่ และพิธีจริง
- กรมประชาสัมพันธ์ สนับสนุนการประชาสัมพันธ์ เตรียมความพร้อมการฝึกซ้อม และการจัดขบวนพยุหยตราทางชลมารคฯ รวมทั้งถ่ายทอดสดงานพระราชพิธี
- กรมศิลปากร สนับสนุนการซ่อมทำและตกแต่งเรือพระราชพิธีให้เสร็จสิ้นภายใน 30 มิถุนายน 2567 ตลอดจนตรวจบทประพันธ์กาพย์เห่เรือของงานพระราชพิธีฯ อบรมเพิ่มทักษะการขับเห่ของพนักงานเห่เรือพระราชพิธี และจัดเจ้าหน้าที่ดุริยางคศิลป์ประจำบนเรือกลองนอก และเรือกลองใน
รวมทั้งรำถวายในพิธีสรวงเซ่นไหว้แม่ย่านางเรือพระราชพิธี ณ พิพิธภัณฑสถานเรือพระราชพิธี
5. กรมชลประทาน บริหารจัดการ การระบายน้ำ สนับสนุนการฝึกซ้อม และจัดขบวนเรือพระราชพิธี รวมทั้งควบคุมความเร็วกระแสน้ำ เพื่อการจัดขบวนเรือพระราชพิธี พร้อมกัก - เก็บขยะ และวัชพืช ไม่ให้ผ่านเข้าพื้นที่การจัดขบวนเรือพระราชพิธี
6. กรมเจ้าท่า แจ้งประกาศ เปิด - ปิด การจราจรทางน้ำ เส้นทางขบวนฯ ในช่วงการซ่อมย่อย ซ้อมใหญ่ และพิธีจริง 27 ตุลาคม 2567 ตลอดจนอำนวยการจราจร รักษาความปลอดภัยทางน้ำ และควบคุมกำกับดูแลการใช้ความเร็วเรือ การจอดเรือริมฝั่งเจ้าพระยา ตั้งแต่บริเวณวัดราชาธิวาสราชวรวิหาร จนถึงบริเวณสะพานพระพุทธยอดฟ้า
7. กรมอุตุนิยมวิทยา สนับสนุนรายงานสภาพอากาศ ในช่วงการฝึกซ้อมจัดขบวน การฝึกซ้อมย่อย การฝึกซ้อมใหญ่ และพิธีจริง
8. กรุงเทพมหานคร สนับสนุนพื้นที่ใต้สะพานพระราม 8 เป็นที่ตั้งกองอำนวยการฝึกขบวนเรือพระราชพิธี รวมทั้งสนับสนุนเรือเก็บขยะ จัดเก็บขยะในแม่น้ำ ในช่วงการฝึกซ้อมจัดขบวน การฝึกซ้อมย่อย การฝึกซ้อมใหญ่ และพิธีจริง
และ9.การไฟฟ้านครหลวง ติดตั้งระบบไฟฟ้าแสงสว่าง พื้นที่รวมพล จุดรวมเรือ จุดจอดเรือ และริมแม่น้ำ รวมถึงบริเวณท่าเรือรับ – ส่งเสด็จฯ และเส้นทางเสด็จฯ ริมฝั่งน้ำ