วันนี้ ( 29 พ.ย.2567) นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่และเลขานุการบริษัท ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า อินเดีย นับเป็นตลาดที่จะกลายเป็นโอกาสอย่างมหาศาลในอนาคต เวลานี้จึงเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ผู้ประกอบการไทยควรเริ่มกำหนดกลยุทธ์และมองการณ์ไกลตั้งแต่วันนี้ เพื่อใช้โอกาสที่มีอย่างเต็มที่
นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่และเลขานุการบริษัท ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
โดยอินเดียในปัจจุบัน เปรียบเหมือนจีนเมื่อสิบปีก่อน ซึ่งในช่วงเวลานั้นมีเพียงไม่กี่คนที่มองเห็นศักยภาพของเศรษฐกิจจีน ในวันนั้นผู้ที่เริ่มต้นปรับตัวและเข้าถึงตลาดได้ก่อน วันนี้จึงกลายเป็นผู้ได้รับประโยชน์อย่างมหาศาล
ดังน้น ประเทศอินเดียเวลานี้จึงเปรียบเสมือนโอกาสที่รอคอยให้ผู้ประกอบการไทยเข้ามาทำธุรกิจ ซึ่งต้องทำความเข้าใจกับผู้คน วัฒนธรรมและกฎหมาย อย่ารีบร้อน เพราะต้องใช้ทั้งความอดทนและเวลา
เชื่อว่าอีก 10-20 ปีข้างหน้า อินเดียจะสร้างความมั่งคั่งอย่างมากจากชนชั้นกลางที่กำลังเติบโต และจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมาก ซึ่งส่งให้เกิดการใช้จ่ายเพิ่มเติมอย่างมหาศาลตามมา
นายกอบศักดิ์ กล่าวอีกว่า ธนาคารกรุงเทพ ในฐานะภาคธุรกิจ พร้อมสนับสนุนผู้ประกอบการไทยในเรื่องของสินเชื่อสามารถช่วยค้ำประกันเพื่อการส่งออก เพื่อการันตีความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้าให้เข้าไปทำธุรกิจได้อย่างราบรื่นในการเข้าไปทำธุรกิจในอินเดีย
ทั้งนี้ ประโยชน์การทำธุรกิจร่วมกับอินเดียไม่เพียงแต่การเข้าไปลงทุน หรือ ส่งออกไปอินเดียเท่านั้น แต่ไทยจะกลายเป็นการเปิดประตูสู่อาเซียนนำการลงทุนและนักท่องเที่ยวอินเดียมาสู่ไทยได้ด้วยจากปัจจุบันที่มีนักท่องเที่ยวอินเดียมาไทย ราว 2 ล้านคนก็อาจจะเพิ่มเป็น 20 ล้านคนได้ในอนาคต
นายอาลก โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส กล่าวว่า ความท้าทายและโอกาสในการดำเนินธุรกิจในตลาดใหม่ ว่าการลงทุนครั้งแรกของ Indorama ในไทยช่วงปลายทศวรรษ 1980 เริ่มต้นด้วยรายได้เพียง 5 ล้านดอลลาร์ ก่อนที่จะเติบโตเป็นรายได้กว่า 15 พันล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน
การตัดสินใจครั้งนั้นมาพร้อมกับความท้าทาย เช่น การต้องปรับตัวเข้ากับวัฒนธรรมและข้อจำกัดด้านภาษา เช่นเดียวกับการเข้าสู่ตลาดใหม่อย่างอินเดีย ซึ่งความซับซ้อนต้องวางแผนอย่างรอบคอบ
นายอาลก โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส
ดังนั้นผู้ประกอบการต้องวางแผนระยะยาวเพื่อรับมือกับความซับซ้อนของตลาดอินเดีย การสร้างความสัมพันธ์และเครือข่ายที่เชื่อถือได้ในพื้นที่เป็นกุญแจสำคัญ ไม่เพียงแต่จะช่วยลดความซับซ้อน แต่ยังช่วยเพิ่มโอกาสในการเติบโตได้อย่างมหาศาล
โอกาสที่มีอยู่ในอุตสาหกรรมค้าปลีก อีคอมเมิร์ซ และภาคการบริโภคของชนชั้นกลางในอินเดีย ซึ่งกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ อินเดียยังมีข้อได้เปรียบด้านระบบเศรษฐกิจ เช่น ระบบ GST ที่ช่วยลดภาระด้านภาษี และแรงจูงใจจากแต่ละรัฐที่มุ่งส่งเสริมการลงทุน หากเลือกพื้นที่ที่เหมาะสมและกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน อินเดียสามารถตอบสนองความคาดหวังและสร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่า
ด้าน จานเมจายา สินา ประธานบริษัท Boston Consulting Group ประจำอินเดีย กล่าวว่า ด้วยโครงสร้างประชากรของอินเดียที่มีกลุ่มชนชั้นกลางที่กำลังเติบโตในอินเดีย นับเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันการขยายตัวในอุตสาหกรรมสุขภาพและความงาม (Wellness) การดูแลสุขภาพ (Healthcare) และการท่องเที่ยว (Tourism)
อินเดียกำลังเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในเชิงเศรษฐกิจและวัฒนธรรม การให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพและความงาม รวมถึงการเปิดรับบริการที่มีคุณภาพสูงเป็นแนวโน้มที่ชัดเจนในตลาดนี้ ไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีมาตรฐานการบริการที่ดีที่สุดในโลก โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งความแข็งแกร่งนี้สามารถเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับการพัฒนาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในอินเดียได้
ภาคการผลิตในอินเดีย เช่น อิเล็กทรอนิกส์และเคมีภัณฑ์ ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง ทำให้เป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการที่มองหาพื้นที่ลงทุนระยะยาว เช่นเดียวกับคาดการณ์เติบโตของ GDP จากปัจจุบัน 3.6 ล้านล้านดอลลาร์ ก็เชื่อว่าจะเพิ่ม 7 ล้านล้านดอลลาร์ หรือเพิ่มเป็นสองเท่าภายในปี 2030 สะท้อนให้เห็นว่าอินเดียเป็นตลาดที่มีศักยภาพอย่างมากสำหรับทุกอุตสาหกรรม
นายนาเคศ สิงห์ เอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทย
ขณะที่ นายนาเคศ สิงห์ เอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทย กล่าวว่า ความหลากหลายทางภูมิภาคของอินเดีย ซึ่งประกอบด้วยทั้งรัฐขนาดเล็กและใหญ่ที่มีประชากรมากกว่าหลายประเทศ รวมถึงความซับซ้อนทางวัฒนธรรม เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องคำนึงถึง โดยการเข้ามาลงทุนในอินเดีย จำเป็นต้องมีความอดทนและเข้าใจกับระบบท้องถิ่น ควรมีพันธมิตรที่เชื่อถือได้ และมีความรู้ลึกซึ้งเกี่ยวกับตลาดที่จะช่วยให้การดำเนินธุรกิจราบรื่นขึ้น
ผู้ประกอบการควรศึกษาเกี่ยวกับรัฐที่เหมาะสมสำหรับการลงทุน เนื่องจากรัฐต่างๆ ในอินเดียมีสิ่งจูงใจและข้อเสนอที่แตกต่างกันไป เช่น รัฐเบงกอลตะวันตก และรัฐทางตอนใต้ที่มีโครงสร้างพื้นฐานพร้อมรองรับ
นายนาเคศ กล่าวอีกว่า อินเดียเป็นดั่งช้างที่ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้และสร้างความสัมพันธ์ แต่เมื่อช้างเริ่มเคลื่อนที่ โอกาสที่เกิดขึ้นจะยิ่งใหญ่เกินกว่าที่คุณคาดหวัง
นางสาวภัทรัตน์ หงษ์ทอง เอกอัครราชทูตไทยประจำสาธารณรัฐอินเดีย กล่าวว่า ตลาดอาหาร สัตว์เลี้ยง และเครื่องสำอางในอินเดีย ซึ่งกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกลุ่มชนชั้นกลางที่มีการบริโภคเพิ่มขึ้น โดยไทยมีศูนย์การค้าในเมืองสำคัญของอินเดีย เช่น เดลี เชนไน และมุมไบ ซึ่งสามารถช่วยผู้ประกอบการไทยในการขยายตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
“ผู้ประกอบการไทยควรเน้นความสำคัญของการศึกษากฎระเบียบ หากการเตรียมตัวที่ดี อุตสาหกรรมเหล่านี้สามารถเป็นโอกาสสำคัญสำหรับผู้ประกอบการไทยในการขยายธุรกิจในภูมิภาคนี้”
อ่านข่าว:
ไอทีดี ชงรัฐ ขับเคลื่อน 4 อุตฯ รับมือความท้าทายโอกาสในอนาคต
ศึกสิบทิศ “ข้าวไทย” 2568 “สต็อก” โลกล้น เขย่าธุรกิจวงการค้า
คลี่ยุทธศาสตร์การค้า โชว์พาว “สุนันทา กังวาลกุลกิจ” อธิบดีป้ายแดง