นับแต่มีการเปิดเผยข้อมูล “คนในป่า” ยกหูหาคน คนหนึ่งเพื่อขอให้ช่วยเหลือคดี “สามารถ เจนชัยจิตรวนิช” อดีตรองโฆษก และอดีตสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ที่ถูกออกหมายจับในข้อหาฟอกเงิน และสมคบกันฟอกเงิน เมื่อวันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา จากคำบอกเล่าของ “สิระ เจนจาคะ” อดีต สส.พรรคพลังประชารัฐ
จึงไม่ยากหากจะตีความว่า “คนในป่า” คงหนีไม่พ้น “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งขณะนี้ถูกมองว่า อยู่ในช่วงอาทิตย์อัสดง เข้าสู่ช่วงขาลงของชีวิตในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
ว่ากันว่า ครั้งนี้มีใบสั่งจาก “บิ๊กบอส” การเมืองฝั่งรัฐบาล และเป็นการเอาคืนจากบริวารเก่า ที่เคยเจ็บช้ำน้ำใจ หลังไม่ได้รับความช่วยเหลือทางคดีจาก “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร เมื่อครั้งยังเรืองอำนาจ มีการรับงาน ผ่านไปยังอดีตคนสนิท และส่งต่อไปให้ผู้เล่นอีกคนหนึ่ง
แม้จะเคยได้รับสายตรงจาก “บิ๊กบอส” เพื่อไทย ขอให้วางมือทางการเมือง ช่วงก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยให้ “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี และ ครม.พ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 14 ส.ค.2567 และกลายเป็นชนวนเหตุให้ “แพทองธาร ชินวัตร” ต้องเข้ารับไม้ต่อ ในตำแหน่งนายกฯหญิงคนต่อมา
“เลิกได้อย่างไร สู้มาขนาดนี้แล้ว” คือ วลีที่อ้างกันว่า เป็นคำตอบของ “ลุงป้อม” ที่ตอกกลับปลายสาย ดังนั้น แม้จะถูกมองว่า เป็นพรรคการเมืองที่อาจจะสลายไปในที่สุด เพราะสมาชิกพรรคฯ สส.และอดีต สส.มีส่วนเชื่อมโยงและเกี่ยวข้องกับคดีดิไอคอนกรุ๊ป ทั้ง “ฟิล์ม” รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ อดีตนักร้องและอดีตสมาชิก พปชร. ซึ่งอยู่ระหว่างรอลุ้นว่าจะถูกเจ้าหน้าที่ออกหมายจับหรือไม่ รวมทั้ง “สามารถ” ซึ่งประท้วงอดอาหารเรื่องสิทธิการประกันตัว ตั้งแต่วันที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ควบคุมตัวเมื่อเย็นวันที่ 26 พ.ย. และถูกหามไปรักษาที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ เมื่อวันที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมา
ทว่ามรสุมที่เกิดขึ้นกับพรรคพลังประชารัฐ ยังไม่จบเมื่อวันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา ด้วยเหตุ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร ไม่ได้ไปต่อ โดยพ่าย “พล.ท.บุญชัย เกษตรตระการ” รองจเรกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ถึง 231 เสียง ขณะที่ตัวเองได้เพียง 21 เสียง อดนั่งในตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาทางน้ำคนใหม่ จึงปิดโอกาสนั่งนายกสมาคมกีฬาโอลิมปิกโดยปริยาย
หากย้อนกลับไปดูขุมกำลังของพรรคพลังประชารัฐ พบว่าขณะนี้ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร มีจำนวน สส.ถึง 22 คน มีทั้งกลุ่มบ้านใหญ่เพชรบูรณ์ของ “สันติ พร้อมพัฒน์” ,บ้านใหญ่กำแพงเพชร “วราเทพ รัตนากร” บ้านใหญ่สิงห์บุรี,บ้านใหญ่สระแก้วของตระกูลเทียนทอง และจังหวัดอื่น ๆ
ซึ่งทั้งหมดยังได้รับการดูแลที่ดีจากหัวหน้าพรรคฯและยังไม่พบความเคลื่อนไหวที่เป็นแรงกระเพื่อมสำคัญ
ขณะเดียวกัน ยังมีอดีต สส. นักธุรกิจ และนักวิชาการในสังกัด เปิดหน้าชกทำงานในฐานะฝ่ายค้านนอกสภา หลายคน ไม่ว่าจะเป็น ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง , มล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี , อุตตม สาวนายน และ พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย
แม้พรรคพลังประชารัฐจะเผชิญหลายปัญหาที่ถาโถมเข้ามา แต่สำหรับการทำหน้าที่ในฐานะฝ่ายค้านในสภา มีเสียงวิจารณ์จากนักวิเคราะห์ด้านการเมืองว่า มีศักยภาพทำหน้าที่ฝ่ายค้านได้ดีกว่าพรรคประชาชนในหลายประเด็น ทั้งปัญหาพลังงาน การตรวจสอบพื้นที่ทับซ้อนเกาะกูด ข้อตกลง MOU 44 และมั่นใจว่า หากมีอุบัติเหตุทางการเมือง และมีการเลือกตั้งในอนาคต เชื่อของพรรคพลังประชารัฐจะยังอยู่ในสนามเลือกตั้ง และจะได้คะแนน สส.บัญชีเพิ่มขึ้นมากกว่าพรรคประชาธิปัตย์ และพรรครวมไทยสร้างชาติ
ขณะที่พรรคภูมิใจไทยและพรรคเพื่อไทย แม้จะยังอยู่ใน แต่การล้มละลายจากความน่าเชื่อถือจากกรณีข้อพิพาทเรื่องเขากระโดงและคดีสนามกอล์ฟอัลไพน์ การขายพื้นที่ธรณีสงฆ์ในราคา 130 ล้านบาท ให้กับเอกชน ซึ่งศาลมีคำสั่งพิพากษาว่าผิดทั้งคู่ อาจส่งผลต่อคะแนนปาร์ตี้ลิสต์อย่างแน่นอน
สิระ เจนจาคะ
อย่างไรก็ตาม มีข้อน่าสังเกตว่า ตั้งแต่ครูใหญ่ค่ายสีน้ำเงิน “เนวิน ชิดชอบ” มุดรั้วเข้าไปยังบ้านจันทร์ส่องหล้าพบ “ทักษิณ ชินวัตร” หัวหน้าพรรคเพื่อไทยตัวจริง ก็ไม่ใช่ว่า การเมืองจะสงบนิ่ง หากพบว่ามีร่องรอยความบาดหมางระหว่างพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทย อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ประเด็นการแก้รัฐธรรมนูญ จนถึงคำสั่งของ “ชาดา ไทยเศรษฐ์” รมช. มหาดไทย ให้เพิกถอนคดีที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ ตามที่คณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ
ดังนั้น หากใครเชื่อว่า “ทักษิณ และ เนวิน” คืนดีกันแล้ว และรัฐบาลเพื่อไทยจะอยู่จนครบเทอม อาจต้องคิดใหม่ เพราะนักการเมือง ไม่ว่าจะเป็นหน้าเก่าหรือหน้าใหม่ต่างรับทราบกันดีกว่า “บิ๊กบอส” เพื่อไทยไม่เคยให้อภัยใคร โดยเฉพาะ “ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร ซึ่งทราบดีที่สุด จึงทำให้ยังไม่รามือจากสนามการเมืองไป
ส่วน “เสียงคนในป่า” โทรให้ช่วย ไม่ว่าจะเป็นใคร “สามารถ” ในยุคนี้ หรือ เมื่อสมัยพันธมิตรปิดสนามบิน ก็เคยมีขอผ่านไปยัง พล.อ.ประวิตร เพื่อให้ช่วยเหลือเชื่อว่า หากเป็นจริงคงไม่แปลก เนื่องจาก พล.อ.ประวิตรอยู่ในแวดวงการเมืองมานานกว่า 10 ปี บารมี พวกพ้อง และใครก็หักแกไม่ลง
”ลุงป้อม” พล.อ.ประวิตร เป็นคนที่เลยความตายมาแล้ว ไม่สนโลก ใครอยากทำอะไรก็ทำ แต่เมื่อถึงเวลาก็พร้อมเอาคืน
อ่านข่าว :
"วันนอร์" ยืนยัน ธ.ค.นี้สภาฯ ถกแก้ รธน. บรรจุร่างครบ 14 ฉบับ