เมื่อวันที่ 11 ก.พ.2567 "โดนัลด์ ทรัมป์" ตัวเก็งตัวแทนพรรครีพับลิกันในการชิงเก้าอี้ประธานาธิดีสหรัฐฯ ขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงในรัฐเซาท์ แคโรไลนา โดยช่วงหนึ่งทรัมป์ระบุว่า "หากมีประเทศใดไม่ได้ให้งบสนับสนุนด้านกลาโหมมากพอ เขาจะไม่ปกป้องประเทศนั้นๆ หากถูกรัสเซียโจมตี หรือยิ่งไปกว่านั้น เขาจะบอกให้รัสเซียทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ เพราะแต่ละประเทศสมาชิกควรจะต้องทำตามข้อตกลงเรื่องการทุ่มงบประมาณด้านกลาโหม"
ถ้อยแถลงดังกล่าวของอดีตผู้นำสหรัฐฯ เกิดขึ้นระหว่างเขาย้อนเล่าเหตุการณ์ในการประชุมกับผู้นำชาตินาโต โดยไม่ได้ระบุว่าบทสนทนาดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อใด หรือผู้นำชาติไหนตั้งคำถามนี้
คำกล่าวของทรัมป์เชิงยุให้รัสเซียโจมตีประเทศที่ไม่ปฏิบัติตามพันธะผูกพันเกี่ยวกับการเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมเป็นร้อยละ 2 ของจีดีพี ตามที่ชาตินาโตเห็นชอบร่วมกัน และสหรัฐฯ จะไม่ร่วมปกป้องพันธมิตรเหล่านี้ ทำให้ "เยน ชโตลเทนเบิร์ก" เลขาธิการนาโต ออกโรงวิจารณ์พร้อมระบุว่า เป็นท่าทีที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาตินาโต ทำให้ทหารอเมริกันและยุโรปตกอยู่ในความเสี่ยง
ขณะที่โฆษกทำเนียบขาว ระบุว่า ทรัมป์ส่งเสริมให้ระบอบกระหายเลือดรุกรานพันธมิตรที่แน่นแฟ้นที่สุดของสหรัฐฯ ทำให้ความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ เสถียรภาพในโล และเศรษฐกิจอเมริกาเองตกอยู่ในอันตราย และวิจารณ์ว่าถ้อยแถลงดังกล่าวน่าสะพรึงกลัวและวิปริต
ข้อมูลด้านงบประมาณนาโตในปี 2023 ชี้ว่าชาติสมาชิก 19 จากทั้งหมด 30 ประเทศใช้จ่ายงบประมาณด้านกลาโหมไม่ถึงร้อยละ 2 ของจีดีพีตามที่ตั้งเป้าไว้ ในจำนวนนี้มีเยอรมนี ฝรั่งเศสและนอร์เวย์รวมอยู่ด้วย
ขณะที่ประเทศซึ่งมีพรมแดนติดกับยูเครน รัสเซียและเบลารุส ใช้งบกลาโหมเกินเพดานดังกล่าว เช่น โปแลนด์ ทุ่มงบกลาโหมคิดเป็นสัดส่วนถึงร้อยละ 3.9 ของจีดีพี ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่าสหรัฐฯ ขณะที่โรมาเนีย, ฮังการี, ฟินแลนด์, ลัตเวีย, ลิทัวเนีย และเอสโตเนีย ใช้งบกลาโหมราวร้อยละ 2.3-2.7 ของจีดีพี
บทบัญญัติมาตรา 5 ของนาโตกำหนดไว้ว่า หากสมาชิกชาติใดของนาโตตกเป็นเป้าการโจมตี สมาชิกอื่นๆ ต้องพิจารณาว่าการกระทำดังกล่าวเท่ากับเป็นการโจมตีนาโตทั้งหมด และต้องใช้มาตรการต่างๆ มอบความช่วยเหลือแก่ประเทศที่ถูกคุกคาม
อ่านข่าวอื่นๆ
"ชวากลาง" สนามเลือกตั้งสำคัญของอินโดนีเซีย
เปิดโผผู้ท้าชิงตำแหน่ง "ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย" ในศึกเลือกตั้ง 14 ก.พ.นี้