วันนี้ (7 ก.พ.2567) พระครูสังฆรักษ์วีรวัฒน์ วีรวฑฺฒโน หรือ พระครูอ๊อด วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร จ.เชียงใหม่ ร่วมกับญาติโยม นำอาหารช้างมาเลี้ยงช้างที่อยู่ในความดูแลของสถาบันคชบาลในพระอุปถัมภ์ จ.ลำปาง เพื่อรอรับ “พังดัมมี่” อายุ 23 ปี ที่ได้ฉายาว่าเป็นช้างขี้บ่นและช้างสายธรรมชาติอินดี้ชอบนั่งดูทะเลที่เกาะเสร่ จ.ภูเก็ต
ขณะนี้ “พังดัมมี่” อยู่ระหว่างเดินทางมายัง จ.ลำปาง หลังจากพระครูอ๊อด ระดมทุน 2.1 ล้านบาทไถ่ตัวจากเจ้าของใหม่ โดยออกเดินทางจาก อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อช่วงเช้าวันที่ 6 ก.พ.ที่ผ่านมา คาดว่าจะเดินทางถึงสถาบันคชบาลในพระอุปถัมภ์ ในช่วงบ่ายวันนี้ (7 ก.พ.)
อ่านข่าว : "กัญจนา" ปะหน้า "พังดัมมี่" ช้างขี้บ่น แม่ๆ ส่งใจอาหารเต็มพุง
พระครูอ๊อด ระบุว่า พังดัมมี่เป็นช้างโชว์ คุ้นเคยกับการโดยสารรถในระยะทางไกล แต่เพื่อไม่ให้ช้างเกิดความเครียด จึงต้องแวะพักบ่อยๆ ล่าสุดรถบรรทุกช้างกำลังเดินทางออกจาก จ.สุพรรณบุรี และเมื่อเดินทางมาถึงสถาบันคชบาลฯ จะเข้าศูนย์กักโรคซึ่งเป็นจุดเดียวกับที่พลายศักดิ์สุรินทร์เคยกักตัว เพื่อเจาะเลือดตรวจโรคตามขั้นตอน
หลังจากนี้จะเร่งทำหนังสือเพื่อมอบ “พังดัมมี่” แก่สถาบันคชบาลแห่งชาติอย่างเป็นทางการ ตามระเบียบขั้นตอนของกฎหมาย ขณะที่ผู้อำนวยการสถาบันคชบาลแห่งชาติ และผู้อำนวยการโรงพยาบาลช้าง รับปากว่าจะดูแลพังดัมมี่เป็นอย่างดี จึงมั่นใจว่าพังดัมมี่และช้างที่ได้รับการไถ่ชีวิตจะมีความเป็นอยู่ที่ดี ไม่ต้องเร่ร่อนและใช้แรงงาน
สำหรับควาญช้างที่จะทำหน้าที่ดูแล “พังดัมมี่” พระครูอ๊อดได้ติดต่ออดีตควาญที่เคยดูแลพังดัมมี่เมื่อตอนที่ใช้ชีวิตอยู่ในปางช้าง อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ เป็นผู้รับช่วงดูแล โดยพระครูอ๊อดจะรับผิดชอบเงินเดือนควาญ เดือนละ 10,000 บาท
สำหรับ “พังดัมมี่” ถือเป็นช้างเชือกที่ 16 ที่พระครูอ๊อดช่วยระดมทุนไถ่ชีวิตและเป็นช้างที่มีราคาสูงที่สุด 2.1 ล้านบาท ซึ่งนอกจาก น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา จะมอบเงินสนับสนุน 1 ล้านบาทแล้ว ยังมีญาติโยมจะร่วมมอบเงินอีกคนละ 500,000-600,000 บาท แต่พระครูอ๊อดขอไม่รับ เพราะอยากให้คนไทยทุกคนได้ร่วมกันบริจาคเงินคนละเล็กละน้อย
พระครูอ๊อด ระบุอีกว่า มีความตั้งใจว่าครั้งนี้จะเป็นการไถ่ชีวิตช้างเชือกสุดท้าย เพราะไม่อยากเห็นช้างลำบาก เนื่องจากช้างเป็นสัตว์ที่อยู่คู่กับประวัติศาสตร์ไทย คนไทยควรให้ความสำคัญกับช้างมากกว่านี้ พร้อมเรียกร้องให้ทุกฝ่ายผนึกกำลังช่วยให้ช้างมีสวัสดิภาพที่ดีขึ้น
เตรียมพื้นที่กักโรคช้างรับ “พังดัมมี่”
น.สพ.ดร.ทวีโภค อังควานิช หัวหน้าฝ่ายอนุรักษ์ช้าง ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย สถาบันคชบาลแห่งชาติฯ (อ.อ.ป.) เปิดเผยว่า พังดัมมี่จะต้องเข้าสู่กระบวนการตรวจสุขภาพ สังเกตพฤติกรรมและตรวจโรค 2 สัปดาห์ เบื้องต้นสำหรับช้างที่เดินทางไกล สิ่งสำคัญคือเรื่องของการขาดน้ำ การสูญเสียน้ำและความเหนื่อยล้าของกล้ามเนื้อ
เมื่อช้างลงจากรถ สัตวแพทย์จะสังเกตว่าช้างแสดงอาการชา ขาอ่อนแรง หรือมีความเครียดหรือไม่ รวมทั้งสังเกตการกินและการขับถ่ายว่าเปลี่ยนไปจากปกติอย่างไร โดยจะต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด ประมาณ 2-3 วัน
น.สพ.ดร.ทวีโภค ระบุอีกว่า ช้างบางเชือกเมื่อเปลี่ยนที่อยู่อาจจะไม่ยอมนอน แต่จะยืนหลับ ซึ่งควาญต้องคอยดูแล สำหรับพังดัมมี่เข้าใจว่าเป็นช้างที่ติดคน จึงต้องมีควาญที่ช้างไว้ใจคอยอยู่ด้วยและพูดคุยไม่ให้ช้างรู้สึกโดดเดี่ยว
เมื่อพ้นระยะกักตัว 14 วัน หากไม่พบความผิดปกติใดๆ ก็จะพิจารณาย้ายช้างไปอยู่ร่วมกับช้างอื่นๆ ตามความเหมาะสมกับอุปนิสัย ซึ่งมีอยู่หลากกลุ่ม อาทิ ช้างสูงวัย ช้างเด็ก และช้างที่เลี้ยงแบบอิสระ รวมทั้งหาควาญพี่เลี้ยงของสถาบันฯ เพื่อช่วยดูแลและให้คำปรึกษา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ไถ่ชีวิต “พังดัมมี่” ช้างขี้บ่นสายอินดี้ทะเล จะมาเป็นสาวเหนือ