โดยวัฒนธรรมการเชียร์ทั้งตะโกนส่งเสียง และ ร้องเพลงเชียร์ รวมถึงนำธงชาติขนาดใหญ่มาโบกสะบัด เป็นเอกลักษณ์ของแฟนบอลญี่ปุ่นที่ถูกฝังลึกมาแต่ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่ใช่แต่กับทีมชาติแต่รวมไปถึงแฟนบอลทุกสโมสรในเจลีก
แต่สิ่งสำคัญที่ญี่ปุ่นต่างถูกแฟนฟุตบอลทั่วโลกยกย่องและชื่นชมอยู่ที่การเชียร์ในรูปแบบสร้างมิตรภาพ และไม่เคยสร้างปัญหาทะเลาะวิวาท รวมถึงพวกเขามักจะช่วยกันเก็บขยะบริเวณรอบๆสนามหลังจบการแข่งขันอยู่เป็นประจำ
โดย เทตซึ ซึ่งเป็นแฟนฟุตบอลทีมชาติญี่ปุ่น รวมถึงเป็นแฟนบอลพันธุ์แท้ของซานเฟรซเซ ฮิโรชิม่า ยืนยันว่า ญี่ปุ่นมีวัฒนธรรมการเชียร์ฟุตบอลที่แน่นแฟ้น เพราะทุกคนพร้อมที่จะส่งเสียงเชียร์และซัพพอร์ตนักเตะในทุกช่วงเวลา ทั้งในวันที่มีความสุข และ ในวันที่พ่ายแพ้เทตซึ ยอมรับว่า สิ่งสำคัญอีกหนึ่งอย่างที่แฟนบอลญี่ปุ่นเน้นย้ำอยู่ที่การสร้างมิตรภาพกับกองเชียร์คู่แข่ง รวมถึงการมีระเบียบวินัย รักษาความสะอาด คืนสนามที่สมบูรณ์กลับสู่เจ้าภาพ
เทตซึ ยังทิ้งท้ายว่าเขายังคงเอาใจช่วย ธีรศิลป์ แดงดา กองหน้าทีมชาติไทยที่เคยไปค้าแข้งกับซานเฟรซเซ ฮิโรชิม่า ในอดีตอีกด้วย
ไม่ใช่แค่กับกองเชียร์ของญี่ปุ่นเท่านั้น แต่นักฟุตบอลทีมชาติญี่ปุ่น ก็ต้องอยู่ในกฎเหล็ก 3. ข้อที่เฮดโค้ชโมริยาสุตั้งไว้หากต้องการทำงานร่วมกันคือ 1. ความตรงต่อเวลา 2. ถ้ามีเกิดปัญหาเกิดขึ้นภายในทีม ต้องแก้ให้จบภายใน ซึ่งการไม่เผยแพร่ปัญหาภายในออกสู่ภายนอกสำคัญที่สุด และข้อสุดท้ายอย่าให้โซเชียลมีเดียมีผลกระทบต่อสภาพจิตใจ
เอเชียนคัพครั้งนี้ เป้าหมายเดียวของญี่ปุ่น คือการคว้าแชมป์ให้ได้ในรอบ 13 ปี