วันนี้ (10 ม.ค.2567) กรมควบคุมมลพิษ รายงานคุณภาพอากาศในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล อยู่ในระดับปานกลางถึงเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ พบเกินค่ามาตรฐาน (37.5 มคก./ลบ.ม.) พื้นที่ 85 พื้นที่ ตรวจวัดค่าฝุ่นได้ระหว่าง 41.9-73.8 มคก./ลบ.ม. โดยกรุงเทพฯ อยู่ในระดับสีส้มทั้ง 50 เขต
ฝุ่นมากสุด 10 อันดับ กทม.-ปริมณฑล
- ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ตรวจวัดได้ 73.8 มคก./ลบ.ม.
- ริมถนนลาดพร้าว ซ.ลาดพร้าว 95 เขตวังทองหลาง ตรวจวัดได้ 73.1 มคก./ลบ.ม.
- ริมถนนเลียบวารี เขตหนองจอก ตรวจวัดได้ 71.8 มคก./ลบ.ม.
- ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ตรวจวัดได้ 71.3 มคก./ลบ.ม.
- แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม ตรวจวัดได้ 72.1 มคก./ลบ.ม.
- ริมถนนซอยนิคมบ้านพักรถไฟธนบุรี 5 เขตบางกอกน้อย ตรวจวัดได้ 66.6 มคก./ลบ.ม.
- ริมถนนนราธิวาส เขตบางรัก ตรวจวัดได้ 66.2 มคก./ลบ.ม.
- ริมถนนบางนา-ตราด เขตบางนา ตรวจวัดได้ 65.1 มคก./ลบ.ม.
- ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ตรวจวัดได้ 64.8 มคก./ลบ.ม.
- ริมถนนศรีนครินทร์ เขตประเวศ ตรวจวัดได้ 63.6 มคก./ลบ.ม.
ก่อนนี้ กทม.ได้ตั้ง "วอรูมฝุ่น" เพื่อติดตามข้อมูลฝุ่น และแจ้งเตือนประชาชนในทุกวัน รวมถึงพัฒนาช่องทางสื่อสารและการแจ้งเตือนเรื่องฝุ่น PM2.5 ไปสู่ประชาชนเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการปรับพฤติกรรม รวมถึงระบบแจ้งเตือนไปยังเครือข่ายบริษัทกว่า 150 บริษัท ซึ่งมีพนักงานกว่า 50,000 คน ที่สามารถประกาศให้พนักงาน work from home ในช่วงวิกฤต PM2.5 ได้ทันที
ทั้งนี้ ประชาชนทั่วไป ควรเฝ้าระวังสุขภาพ ลดเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง ผู้ที่ต้องดูแลสุขภาพเป็นพิเศษ ควรลดระยะเวลาการทำกิจกรรมกลางแจ้ง หรือใช้อุปกรณ์ป้องกันตนเอง หากมีอาการทางสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์