หมูเถื่อนไม่จบ และยังเป็นคดีร้อนข้ามปี โดยเฉพาะเลขคดีพิเศษ 127/2566 การลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนกว่า 10,000 ตู้คอนเทน เนอร์ มูลค่าเสียหายกว่า 6,000-7,000 ล้านบาท โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) จัดเป็น "กลุ่มองค์กรอาชญากรรมที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงด้านอาหารและเกษตรกร"
ด้วยเหตุผล คือ ทำเป็นขบวนการ มีข้าราชการระดับสูง นักการเมือง อดีตนักการเมือง และเจ้าหน้าที่หลายงานเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็น ศุลกากร กรมปศุสัตว์ และกรมประมง จำนวนหนึ่งยังเป็นข้าราชการประจำ รวมทั้งนักธุรกิจข้ามชาติ ที่สำคัญคือ บุคคลกลุ่มนี้ไม่เคยถูกจับกุมหรือถูกดำเนินคดีมาก่อน
นักการเมือง-ขรก.-นายทุน โยงขบวนการหมูเถื่อน
พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยกับ "ไทยพีบีเอสออนไลน์" ว่า เฉพาะคดีหมูเถื่อน 10,000 ตู้ เกิดขึ้นตั้งช่วงปลายปี 2563-2566 พบลักษณะการกระความผิดทำเป็นขบวนการ มีการนำเข้าสินค้าซากสัตว์ค้าประเภท ไก่ หมู เนื้อ จากประเทศยุโรปและอเมริกาใต้
การได้รับข้อมูลจากสายข่าวและข้าราชการหน่วยที่เกี่ยวข้อง จึงทำให้ดีเอสไอเข้าไปตรวจสอบและสามารถรับเป็นคดีพิเศษได้ในที่สุด จากการเข้าตรวจค้น จับกุม เบื้องต้นพบว่า มีกลุ่มนายทุน ข้าราชการประจำ ข้าราชการการเมือง เข้าไปเกี่ยวข้อง ซึ่งต้องขยายผลสอบเอกสารและพยานหลักฐานเพิ่มเติม เนื่องจากพบว่ามีบริษัทถึง 11 แห่งเข้าไปเกี่ยวข้อง
"เชื่อว่า เนื้อหมู ไก่ ทั้งหมด ไม่ได้รับอนุญาตในการนำเข้ามา แต่มีการสำแดงสินค้าเป็นประเภทประมง โพลิเมอร์ และสินค้าแช่แข็ง ข้อมูลเหล่านี้บางส่วนได้มาจากสายข่าว สายลับ ข้าราชการประจำ และอดีตข้าราชการ ในหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรู้เห็นข้อมูล แต่ไม่ได้เข้าร่วม หรือมีส่วนร่วมในการกระทำความผิด"
พ.ต.ต.ณฐพล กล่าวว่า สำหรับอดีตนักการเมืองที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และปล่อยให้มีปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นจะอยู่ในช่วงปี 2562-2566 ซึ่งดีเอสไออยู่ระหว่างการตรวจสอบว่า เข้ามาเกี่ยวข้องอย่างไร มีข้อเท็จจริงอย่างไร ขณะนี้มีข้อมูลของกลุ่ม 5 เสือแล้ว และอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบเส้นทางการเงินของ ปปง.
เส้นเงินที่ตรวจพบเชื่อมโยงกับกลุ่มที่นำเข้าหมูเถื่อน ไก่เถื่อน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเดียวกันทั้งหมด คือ กลุ่มชิปปิ้งที่นำเข้าส่วนเครือญาติพี่น้องของกลุ่มนักการเมืองจะเข้ามาเกี่ยวข้องในช่วงปี 2562 ถึงปลายปี 2563 ตรงนี้เป็นข้อมูลที่กลุ่มหน้าเสื่อให้ข้อมูลมา
อย่าไรก็ตาม ข้อเท็จจริงทั้งหมดดีเอสไออยู่ระหว่างการสอบขยายผล เพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม เนื่องจากพบข้อมูลความเชื่อมโยงของเจ้าหน้าที่ 3 หน่วยงานคือ ศุลกากร กรมปศุสัตว์ และกรมประมง เกี่ยวข้องกันหมด
นอกจากนี้ ยังพบข้อมูลว่ามี เฮีย ก. น้องชายของนักการเมืองชื่อดัง เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการดำเนินการ แต่นักการเมืองจะเป็นผู้คุมนโยบาย ส่วนข้าราชการประจำที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง ในการนำเข้า หมู ไก่ จะเป็นระดับ "บิ๊ก" หรือเป็นระดับผู้ใหญ่ในกระทรวงฯ จะเปิดไฟเขียวให้มีการนำเข้าสินค้าแช่แข็ง ประเภท ตีนไก่ โดยนำเข้ามาจากต่างประเทศ เช่น บราซิล รัสเซีย สเปน เนเธอร์แลนด์ แล้วนำมาสวมสิทธิในไทย ก่อนจะส่งออกไปขายที่จีน โดยกลุ่มนายทุนและข้าราชการ พวกอักษรตัวย่อทั้งหลายมีส่วนเกี่ยวข้องและทำกันเป็นขบวนการ
ข้อมูลในเชิงลึกระบุว่า เฮีย ก.กับพรรคพวก และกลุ่มคนจีน 2 คน ได้ร่วมกันทำธุรกิจนำเข้า-ส่งออกสินค้าการเกษตรประเภท ไก่ เนื้อหมูและเนื้อวัว แต่ช่วงเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว พบว่ามีการนำเข้าไก่ ปีกไก่ ตีนไก่ จากบราซิลและอุรุกวัย เข้ามาจำนวนมาก หลังสินค้าดังกล่าวถูกส่งมาถึงท่าเรือแหลมฉบังและท่าเรือคลองเตย ก็จะเข้าสู่ขบวนการ โดยจะมีตัวแทนของบริษัทชิปปิ้ง ร่วมกับเจ้าหน้าที่รัฐที่ทำหน้าที่ตรวจสอบสำแดงเอกสารเท็จ ประทับตราในเอกสารเพื่อยืนยัน เปลี่ยนจากตีนไก่ เป็นปลาแซลมอน หรือเป็นโพลิเมอร์ เพื่อหลีกเลี่ยงภาษี
หลังจากนั้น จึงนำตีนไก่และปีกไก่ ไปยังห้องเย็นของผู้ร่วมขบวนการเพื่อเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ ให้เป็นตีนไก่และปีกไก่ โดยใช้ชื่อบริษัทไทยนำเข้า และสวมสิทธิส่งออก ตีนไก่ และปีกไก่ ส่งไปจำหน่ายในประเทศจีน ซึ่งคาดการณ์ว่า บางบริษัทอาจจะไม่มีส่วนรู้เห็นการกระทำดังกล่าว แต่หลายบริษัทก็ทราบดี
ดีเอสไอพบ 10 รายชื่อ "บิ๊กเนม" ตัวการใหญ่
รายงานจากการสืบสวนระบุว่า เบื้องต้นพบว่ามีนักการเมืองและข้าราชการระดับสูง หรือ “บิ๊กเนม” เข้าไปเกี่ยวข้องกับขบวนการดังกล่าว มากกว่า 10 คน จำนวนนี้ยังไม่รวมข้าราชการระดับล่าง ๆ และใครจะเกี่ยวข้องเชื่อมโยงอย่างไร และลักษณะไหน ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบเพิ่มเติม
พ.ต.ต.ณฐพล กล่าวว่า แม้เหตุการณ์จะเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2564-2565 แต่การตรวจสอบเส้นทางการเงิน หากมีการนำเข้าหรือจำหน่ายออก ไม่ว่าใครจะได้ หรือรับเงินจากการจำหน่าย พนักงานสอบสวนฯ จะต้องทำคดีให้ปรากฏชัดภายใน 3 เดือน ตามกรอบกฎหมายและอำนาจการสอบสวน
"เราใช้หลักฐานเดิมมาใช้ขยายผล และพบว่าข้อมูลที่มีอยู่สอดคล้องกัน สอดคล้องกับข้อมูลที่กองคดีภาษีอากรฯ เคยทำคดีประเภทนี้มาแล้ว จึงทำให้สามารถต่อยอดทำคดีได้เร็วขึ้น คู่ขนานไปกับการตรวจสอบเส้นเงินของ ปปง. อย่างไรก็ตาม หากพบ มีใคร หรือบริษัทใดเข้าไปเกี่ยวข้องก็จะยึดอายัดทรัพย์ และขยายผลเอาผิดฐานฟอกเงินได้ด้วย"
พ.ต.ต.ณัฐพล กล่าวอีกว่า สำหรับขบวนการนำเข้าหมูเถื่อน และไก่ หลังจากดีเอสไอและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีการตรวจค้นจับกุมต่อเนื่อง พบว่า หยุดการเคลื่อนไหวไปแล้ว สังเกตได้จากไม่มีการนำเข้าตู้สินค้า หรือคอนเทนเนอร์เข้ามาแล้ว แต่เชื่อว่า ยังมีสินค้าตกค้างอยู่และต้องเร่งระบายให้หมด เพราะ หมูพวกนี้จะเก็บแช่แข็งได้นาน 2 ปี แต่ดีเอสไอยังเดินหน้าตรวจสอบต่อ เนื่องจากมีเกษตรกรได้รับผลกระทบจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้ประกอบการด้านสินค้าการเกษตร
เราประสานข้อมูลจากบริษัทเหล่านี้ ผ่านไปยังกระทรวงการต่างประเทศและสถานทูต โดยจะเร่งสอบพยานปากคำสำคัญ ๆ ให้เสร็จในสัปดาห์หน้า ขณะนี้สอบพยานไปแล้ว 4 ปาก ส่วนใหญ่เป็นเจ้าหน้าที่ชิปปิ้ง ผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการนำเข้าส่งออก และหน้าเสื่อ ซึ่งทำหน้าที่ติดต่อนายทุน พวกนี้ส่วนใหญ่จะเป็นอดีตชิปปิ้งเก่า มีหน้าที่ดูแลระบบทั้งหมด โดยเฉพาะการนำหมูเข้าหรือออก ซึ่งต้องได้รับอนุญาต
การปฏิบัติการกวาดจับหมูเถื่อน แม้จะเป็นงานใหญ่ แต่ต้องเร่งล้างบางให้หมด ไม่เช่นนั้นเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรในประเทศจะได้รับความเสียหายมาก เพราะการลักลอบนำหมูเถื่อนเข้ามาจำหน่ายราคาถูก ส่งผลกระทบต่อผลผลิตภายในประเทศ และทำให้เกษตรกรต้องเลิกอาชีพเลี้ยงหมูไปโดยปริยาย
อย่างไรก็ตาม ว่ากันว่า ตัวเลขในวงการหมูเถื่อน ช่วงเงินสะพัด มีการจ่ายส่วยกันครบถ้วน ทุกหน่วยงาน และเจ้าหน้าที่รัฐรวยกัน "อู้ฟู่" เพราะการนำเข้า 1 ตู้คอนเทนเนอร์ ต้องจ่ายค่าเปิดตู้ในราคาตู้ละ 350,000 บาท เลยทีเดียว และหากนำเข้าถึง 10,000 ตู้ ส่วยจะมีมูลค่าเพียงใด คงไม่ต้องคำนวณ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
DSI จ่อเรียก จนท. 3 กรม สอบเพิ่มโยงเส้นทางการเงินคดีหมูเถื่อน
โรค ASF เปิดเส้นทางกระจาย "หมูเถื่อน" กระเทือนทั่วประเทศ
เบื้องลึกหมูเถื่อน ดัน "ยุทธนา" ย้าย "สุริยา" คอนเทนต์การเมือง
จับกระแสการเมือง: วันที่ 28 พ.ย.2566 คดีติดหล่ม "จับหมูเถื่อน" สะเทือน "สุริยา" พ้นเก้าอี้ดีเอสไอ