วันนี้ (15 ธ.ค.2566) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงวิเคราะห์ผลงานรัฐบาลเศรษฐาอะไรที่รัฐบาลทำดีแล้ว อะไรที่ยังไม่ชัดเจน อะไรที่ต้องเตือน และข้อเสนอแนะของพรรคก้าวไกลต่อรัฐบาลจะเป็นอย่างไร
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล
การวิเคราะห์การดำเนินงานการบริหารราชการแผ่นดินครบ 90 วัน ของรัฐบาล ภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง โดยระบุว่า ในเชิงยุทธศาสตร์ 90 วันแรกเป็นช่วงเวลาที่สำคัญมาก หลายประการ คือ การแสดงถึงความมุ่งมั่นในการรักษาสัญญาที่มีให้ไว้กับประชาชนก่อนที่จะมาเป็นรัฐบาล วาระ 90 วันแรก มีโรดแมปในการบริหาร ที่จะสั่งงาน ตามงานของรัฐบาล และความคาดหวัง การบริหารความเชื่อมั่้นของประชาชน และนักลงทุนจากต่างประเทศ
ซึ่งจากการวิเคราะห์ผลงานรัฐบาลเศรษฐาประกอบด้วยกรอบ 5 คิด คือ
1.คิดดีทำได้ การช่วยเหลือตัวประกันชาวไทยในอิสราเอล คือสิ่งที่รัฐบาลทำได้ดี , จัดหาวัคซีน HPV รัฐบาลทำได้ดี การแก้ปัญหาหนี้ในระบบและนอกระบบ ผ่านการผ่านการแถลง 2 ครั้งของนายกรัฐมนตรี ซึ่งรัฐบาลเข้าใจว่าปัญหาคืออะไร ทั้งการอนุมัติงบเยียวยา 50,000 บาท ช่วยเหลือตัวประกันออกมา 23 คน อนุมัติสินเชื่อ คืนถิ่นให้กับกลุ่มแรงงาน พร้อมฝากช่วยเหลือกลุ่มตัวประกันที่ถูกกลุ่มฮามาส อีก 9 คนหวังว่ารัฐบาลจะไม่ลืมพวกเขา
2.คิดไปทำไป การปรับเปลี่ยนไปมา ไม่ว่าจะเป็นที่มาของเงิน เทคโนโลยีที่ใช้ และผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จากนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต และการจ่ายเงินเดือนข้าราชการ รวมถึงเรื่องของโครงการแลนด์บริดจ์ ซึ่งในนโยบาย แจกเงินดิจิทัลวอลเล็ตที่มีกรรมเปลี่ยนมาแล้ว 4 ครั้ง จะเป็นการใช้งบประมาณที่เราลูกหลานเราต้องมาชดใช้ในอนาคต รวมถึงเป็นการเบียดบังงบประมาณที่สามารถใช้แก้ปัญหาเรื่องอื่นๆ ในระยะยาวต่อได้ ซึ่งการที่รัฐบาลไม่คิดอย่างรอบคอบและเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาทำให้เกิดความสับสนในสังคมและในกลุ่มของตลาดทุนด้วย สิ่งที่คาดหวังจากรัฐบาลคือต้องมีแผน 2 หากจะเอาดิจิทัลวอลเล็ตไม่ควรที่จะต้องปรับเปลี่ยนอีกแล้ว แต่หากจะไม่เอาดิจิทัลวอลเล็ต ก็จะต้องมีความชัดเจนในการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะกลางและระยะยาว
3.คิดสั้นไม่คิดยาว เกี่ยวกับค่าใช้จ่ายของพี่น้องประชาชนไม่ว่าจะเป็นเรื่องของค่าไฟ ค่าพลังงาน ค่าคมนาคม ลดรถไฟฟ้า 20 บาทตลอด มีแต่มาตรการระยะสั้นและยังไม่เห็นมาตรการการแก้ปัญหาที่ต้นตอ เช่นเรื่องของการลดค่าไฟฟ้า ให้อยู่ที่ 3.99 บาทต่อหน่วย หรือลดค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ที่ตอนนี้ยังไม่เห็นแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ต้นตอ
4. คิดใหญ่ทำเล็ก การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไม่ว่าจะเป็นซอฟต์พาวเวอร์ หรือการบริหารการท่องเที่ยวผ่านวีซาฟรี และการลดความเหลื่อมล้ำให้กับประเทศไม่ว่าจะเป็นที่ดิน สปก. และค่าแรง ซึ่งเราเห็นนายกรัฐมนตรีมีสั่งการ เมื่อไม่ได้ตัวเลขที่ควรจะเป็น หรือตัวเลขที่ได้สัญญากับพี่น้องประชาชนไว้ ซึ่งมีการแสดงออกถึงความไม่พอใจ โดยสิ่งที่รัฐบาลทำแล้วก็เป็นเรื่องที่ดี
5. คิดอย่างทำอย่าง ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของการเมือง เช่น ร่างรัฐธรรมนูญ การทำประชามติที่มาของ สสร.และไม่ชัดเจนว่าจะมี สสร.ที่มาจากการเลือกตั้งทั้งหมดหรือไม่ การปฏิรูปกองทัพ ทั้งนี้ค่อนข้างชัดเจนตั้งแต่สภาสมัยที่แล้วในการยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญพรรคเพื่อไทยมีความคิดที่เป็นไปในทิศทางที่สอดคล้องกับพรรคก้าวไกล แต่การกระทำตอนนี้ค่อนข้างตรงข้ามกับสิ่งที่เคยคิดไว้
ทั้งนี้จะเห็นชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการยื่นกฎหมายการแก้รัฐธรรมนูญ การศึกษาในระดับรัฐสภา ก็เห็นว่าพรรคเพื่อไทย มีความคิดที่ไปทิศทางที่สอดคล้องกับพรรคก้าวไกล แต่การกระทำตอนนี้ตรงข้ามกับสิ่งที่คิดไว้
นายพิธา ยังกล่าวถึงความคาดหวังการบริหารงานของรัฐบาลในปี 2567 ที่รัฐบาลควรมี Strategic Roadmap ที่ชัดเจนที่ต้องการเห็นแผนการทำงานของรัฐบาล 1 ปี ต้องมีการทำงานอย่างเป็นมืออาชีพมากกว่านี้ ต้องการเห็นการบริหารแก้เศรษฐกิจ ภัยแล้ง และต้องการเห็นความเป็นเอกภาพของรัฐบาลผสม
ซึ่งการแถลงครั้งนี้เป็นการวิเคราะห์ไม่ได้ประเมิน และไม่ได้ให้เกรดรัฐบาลแต่อย่างใด
อ่านข่าวอื่นๆ :