ช้างใจสู้ "พลายเดือน" สัตวแพทย์ต้องดูแลใกล้ชิด-ประเมินรายวัน

เอาใจช่วย "พลายเดือน" ลูกช้างป่าทับลานใจสู้ หลังรักษากว่า 20 วันเข้าเฝือกแล้ว ยังพาเดินเล่นช้าๆบนอุปกรณ์ช่วยพยุง พบระดับน้ำตาลในเลือด พบว่าต่ำกว่าระดับปกติ บางช่วงอุณหภูมิร่างกายต่ำกว่าปกติ ยังต้องดูแลใกล้ชิด ประเมินอาการวันต่อวัน

ความคืบหน้าการดูแลอาการป่วยขอลูกช้างป่า "พลายเดือน" ที่พลัดหลงโขลงบริเวณท้องที่บ้านตลิ่งชัน ต.จระเข้หิน อ.ครบุรี จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา

วันนี้ (1 ธ.ค.2566) ทีมสัตวแพทย์ จากกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช อัปเดตอาการอาการลูกช้างป่า โดยพบว่ามีความอยากกินนมปกติ วันนี้ปรับการให้อาหารเป็นน้ำต้มข้าวผสมเนื้อข้าวปั่นละเอียด ร่วมกับเริ่มให้นมผงชง สำหรับลูกช้างปริมาณน้อยก่อน (แยกคนละขวด)

นอกจากนี้ ยังมีการพาเดินเล่นช้าๆ แต่ยังอยู่บนอุปกรณ์ช่วยพยุงอยู่ตลอดเวลาโดยยก 2 ขาหลังที่เข้าเฝือกเหนือพื้นเล็กน้อย ขาหน้าไม่มีการดึงรั้งสามารถลงน้ำหนักได้เต็ม 2 ฝ่าเท้า ทำความสะอาดลดความชื้นของเฝือก การเปลี่ยนถุงหุ้มเฝือกเพื่อลดการปนเปื้อนสิ่งสกปรก เช็คระดับรอกให้เหมาะสมทุกครั้งในการยืน และสลับให้เปลพยุงเพื่อลดแผลกดทับบริเวณขาหนีบ

สัตวแพทย์ ทำความสะอาดลดความชื้นของเฝือก เปลี่ยนถุงหุ้มเฝือกเพื่อลดการปนเปื้อนสิ่งสกปรก

สัตวแพทย์ให้ผงโปรไบโอติก ยาลดกรดในกระเพาะ ยาลดปวดลดอักเสบ และยาปฏิชีวนะ พร้อมทั้งทำความสะอาดสะดือ และแผลบริเวณขาหนีบจากการกดทับ ทำการตรวจระดับน้ำตาลในเลือด พบว่าต่ำกว่าระดับปกติ จึงเสริมด้วยการให้น้ำเกลือและกลูโคส

รวมทั้งใช้เครื่องปล่อยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (Magnetotherapy Vet) ระบบดูแลกระดูก ควบคู่กับการรักษาทางยา โดยจะทำการใช้เครื่องปล่อยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ตามโปรแกรมการรักษา

สัตวแพทย์ ยังต้องดูแล

สัตวแพทย์ ยังต้องดูแล "พลายเดือน" ใกล้ชิด ประเมินอาการวันต่อวัน

อุณหภูมิร่างกายต่ำกว่าปกติบางช่วง และกลับมาเป็นปกติ พบอาการท้องอืดบ้างเล็กน้อยเป็นบางช่วง ทำการช่วยกระตุ้นการขับถ่าย พาลุกยืนและเดิน ให้ยาบรรเทาอาการท้องอืด และทาครีมบำรุงผิวหนัง เพื่อลดการแตกแห้งของผิวหนัง

ทั้งนี้อาการโดยรวมยังคงเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิดโดยสัตวแพทย์ จะมีการประเมินอาการวันต่อวัน