วันนี้ (1 ธ.ค.2566) ในการประชุมสุดยอดสภาพภูมิอากาศประจำปีขององค์การสหประชาชาติ หรือ COP28 ที่ดูไบ มีการเปิดเผยรายงานขององค์การอุตุนิยม วิทยาโลก (WMO) ยืนยันว่าปี 2566 หรือ 2023 จะเป็นปีที่อุณหภูมิโลกสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์
จากข้อมูลจนถึงสิ้นเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าอยู่ประมาณ 1.4 องศาเซลเซียส สูงกว่าเส้นฐานก่อนยุคอุตสาหกรรมระหว่างปี 1850-1900 หรือเมื่อ 173 ปีที่ผ่านมา อีกทั้งยังสูงกว่าปี 2559 หรือ 2016 และปี 2563 หรือ 2020 ซึ่งก่อนหน้านี้เคยได้รับการจัดอันดับให้เป็นปีที่อุณหภูมิสูงที่สุด
ข้อมูลองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก ระบุอีกว่า ในช่วงปี 2558-2566) เป็นช่วงที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ เหตุการณ์เอลนีโญที่อุ่นขึ้น ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ผลิของซีกโลกเหนือปีนี้ และพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงฤดูร้อน
มีแนวโน้มที่จะกระตุ้นให้เกิดความร้อนมากขึ้นในปี 2024 เนื่องจากโดยทั่วไปแล้วปรากฏการณ์เอลนีโญ จะมีผลกระทบมากที่สุดต่ออุณหภูมิโลกหลังจากที่อุณหภูมิถึงจุดสูงสุดแล้ว
ศาสตราจารย์ Petteri Taalas เลขาธิการ WMO กล่าวว่า ระดับก๊าซเรือนกระจก สูงเป็นประวัติการณ์ อุณหภูมิโลกสูงเป็นประวัติการณ์ ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูงเป็นประวัติการณ์ น้ำแข็งในทะเลแอนตาร์กติกต่ำเป็นประวัติการณ์
สิ่งเหล่านี้เป็นมากกว่าสถิติ เราไม่สามารถกลับไปสู่บรรยากาศของศตวรรษที่ 20 ได้ แต่ต้องดำเนินการตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อจำกัดความเสี่ยงของสภาพอากาศในศตวรรษนี้และต่อจากนี้
นอกจากนี้ ระดับคาร์บอนไดออกไซด์สูงกว่ายุคก่อนอุตสาหกรรมถึง 50% กักเก็บความร้อนในชั้นบรรยากาศ อายุที่ยาวนานของ CO2 หมายความว่าอุณหภูมิจะสูงขึ้นต่อไปอีกหลายปีต่อจากนี้
ส่วนอัตราการเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลในช่วงปี 2556-2565 มากกว่า 2 เท่าของอัตราในทศวรรษแรก พ.ศ.2536-2545) เนื่องจากภาวะโลกร้อนและการละลายของธารน้ำแข็งและแผ่นน้ำแข็งอย่างต่อเนื่อง
ขอบเขตน้ำแข็งในทะเลแอนตาร์กติกสูงสุดในรอบปีนั้นต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ โดยเต็ม 1 ล้านตารางกิโลเมตร (มากกว่าขนาดของฝรั่งเศส และเยอรมนีรวมกัน) น้อยกว่าระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ก่อนหน้านี้
เมื่อสิ้นสุดฤดูหนาวในซีกโลกใต้ ธารน้ำแข็งในอเมริกาเหนือและยุโรปเผชิญกับฤดูละลายที่รุนแรงอีกครั้ง ธารน้ำแข็งของสวิสเซอร์แลนด์ สูญเสียปริมาณที่เหลืออยู่ประมาณ 10% ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ตามรายงานของ WMO
รายงานฉบับนี้แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เข้าถึงได้ทั่วโลก โดยให้ภาพรวมของผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงความมั่นคงทางอาหารและการพลัดถิ่นของประชากร
ดังนั้นจึงมีการเรียกร้องให้ผู้นำชาติสมาชิกที่เข้าประชุม COP28 ดำเนินการอย่างเร่งด่วนในการเจรจาเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยมีแผนงานในการจำกัดการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกไว้ที่ 1.5 องศาเซลเซียส
ทั้งนี้รายงานสุดท้ายของสภาพภูมิอากาศโลกปี 2023 พร้อมด้วยรายงานระดับภูมิภาค จะมีการเผยแพร่ในช่วงครึ่งแรกของปี 2024
ขณะที่นักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อม บริเวณสถานที่จัดการประชุมสุดยอดด้านสภาพภูมิอากาศ ขององค์การสหประชาชาติ COP28 ที่ ดูไบ
ที่มา: WMO)2023 shatters climate records, with major impacts /COP28 Dubai