"มีนบุรีโมเดล" ต้นแบบลดเหตุรุนแรง "นร.-นศ." สายช่าง

"มีนบุรีโมเดล" รูปแบบการแก้ปัญหาลดความรุนแรงในกลุ่มนักเรียน นักศึกษาสายช่าง ที่กำลังจะนำมาปรับใช้กับในอีกหลายพื้นที่ ความจริงโมเดลนี้เกิดขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อเกือบ 7 เดือนก่อน และจากสถิติก็พบว่า สามารถลดจำนวนการก่อเหตุรุนแรงได้จริง

เส้นทางเปลี่ยว รกร้าง และมีโรงหนังร้าง ในซอยข้างวิทยาลัยเทคนิคมีนบุรี เป็นพื้นที่ต้องห้ามที่สถาบันวางกฎเหล็ก ห้ามนักศึกษามารวมตัวกันเด็ดขาด ยกเว้นต้องใช้สัญจรผ่านเพื่อเดินทางกลับบ้าน ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการ "มีนบุรีโมเดล" ที่สถาบันสื่อสารและออกกฎเกณฑ์กับนักศึกษา

วิทยาลัยเทคนิคมีนบุรี เส้นทางเปลี่ยว โรงหนังร้าง วางกฎเหล็กให้เป็นพื้นที่ต้องห้าม โดยห้ามนักศึกษามารวมตัวกันเด็ดขาด

กฎเหล็กอีกข้อที่ต้องปฏิบัติตั้งแต่วันแรกที่เข้าเรียนจนเรียนจบ คือ ห้ามใส่แหวนรุ่น, ห้ามพกหัวเข็มขัดสัญลักษณ์สถาบัน, ห้ามใส่เสื้อช็อป หรือชุดที่มีโลโก้สถาบันแต่ถ้าเป็นชุดพละที่มีโลโก้ ให้นำมาเปลี่ยนภายในวิทยาลัยเท่านั้นเรื่องนี้ นักศึกษารู้ดีว่า เป็นหนึ่งในหลายเรื่องที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและลดความเสี่ยง

วิทยาลัยเทคนิคมีนบุรีวางกฎเหล็กให้ปฏิบัติตั้งแต่วันแรกที่เข้าเรียนจนเรียนจบ คือ ห้ามใส่แหวนรุ่น, ห้ามพกหัวเข็มขัดสัญลักษณ์สถาบัน, ห้ามใส่เสื้อช็อป

อ่านข่าว เร่งจับผู้ต้องหาตามหมายจับอีก 3 คน คดียิงครูเจี๊ยบ-นศ.อุเทนฯ

แม้จะไม่สวมใส่อะไรที่เป็นสัญลักษณ์ แต่หนึ่งในนักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคมีนบุรี ก็สะท้อนว่า เคยถูกติดตามและสอบถามจากบุคคลภายนอกว่า มาจากสถาบันใด ซึ่งต้องหาวิธีหลบเลี่ยงและสื่อสารแบบใจเย็น

นักศึกษาวิทยาลัยเทคนิคมีนบุรี ให้สัมภาษณ์ถึงประสบการณ์ที่เคยหลบเลี่ยงการเกิดเหตุรุนแรง

อ่านข่าว "ศุภมาส" สั่ง ปลัด อว.เร่งหารือสถาบันการศึกษา แก้ปัญหา "นร.-นศ." ตีกัน

นอกจากหลบเลี่ยงด้วยตัวเอง วิทยาลัยยังมีมาตรการขับรถยนต์ช่วยลาดตระเวนในเส้นทางรอบวิทยาลัย ทั้งช่วงเช้าและช่วงเย็น พร้อมแนะนำอย่าเดินทางคนเดียว และให้รีบแยกย้ายกลับบ้าน ไม่รวมตัวกันตามสถานที่ต่าง ๆ

วิทยาลัยเทคนิคมีนบุรี มีมาตรการขับรถยนต์ช่วยลาดตระเวนในเส้นทางรอบวิทยาลัย ทั้งช่วงเช้าและช่วงเย็น

ผู้บริหารสถานศึกษา ระบุว่า "มีนบุรีโมเดล" หัวใจสำคัญคือ การสื่อสาร และร่วมมือกับหลายฝ่าย เคยดำเนินการมาต่อเนื่องเมื่อหลายเดือนก่อน ทั้งการลาดตระเวน จุดเสี่ยงรอบสถานศึกษา ร่วมมือกับเครือข่ายตำรวจท้องที่ ผู้ปกครอง และศิษย์เก่า ช่วยกันลดความเสี่ยง เฝ้าระวังบุคคลภายนอกที่อาจมีพฤติกรรมเสี่ยง ขณะเดียวกัน ก็ดึงพลังของนักศึกษาแสดงออกด้านงานจิตอาสา งานช่วยชุมชนให้มากขึ้น ส่วนเครื่องแบบก็ออกแบบโดยไม่มีโลโก้สถาบัน

อ่านข่าว เปิดเส้นทางรวมตัว "ช่างกล" สู่องค์กรอาชญากรรม

พ.ต.อ.โฆษิต บุญทวี รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 8 ผู้ริเริ่มแนวคิด "มีนบุรีโมเดล" ตั้งแต่เดือน พ.ค.2566 เล่าว่า การทำงานเน้นความร่วมมือ ระหว่างผู้บริหารโรงเรียน ผู้ปกครอง ชุมชน และตำรวจในท้องที่

เช่น หลังตำรวจเปิดใจคุยกับผู้บริหารสถานศึกษา เกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น ทำให้ผู้บริหารให้ข้อมูลเกี่ยวกับนักเรียนที่มีปัญหามากขึ้นและละเอียดขึ้น บางกรณีทราบถึงสภาพความเป็นอยู่ในครอบครัวของนักเรียน ซึ่งส่วนใหญ่พบว่า เด็กที่มีปัญหาและก่อเหตุมักมีปัญหาเรื่องพื้นฐานในครอบครัว

พ.ต.อ.โฆษิต ยืนยันว่า หลังใช้แนวทาง "มีนบุรีโมเดล" เป็นระยะเวลาเกือบ 7 เดือน พบว่า สถิติการก่อเหตุจากนักเรียนอาชีวะในท้องที่มีนบุรีลดลง การรับแจ้งความและการดำเนินคดีอาญาลดลง ตำรวจได้ข้อมูลเด็กที่กระทำผิดมากขึ้น และทราบว่า แต่ละกลุ่มมีความเคลื่อนไหวอย่างไร

อ่านข่าว จิตแพทย์แนะ "เด็กอาชีวะตีกัน" ต้องแก้ปัญหาทั้งระบบ

ส่วนในเชิงนโยบาย การพูดคุยกับผู้บริหารสถานศึกษา ทำให้การคัดเลือกเด็กเข้ามาเรียนมีคุณภาพมากขึ้น และต้องสร้างค่านิยมใหม่ให้กับเด็กอาชีวะ เช่น ดึงรุ่นพี่ที่เรียนจบไปแล้ว มีงานทำ มาสร้างแรงบันดาลใจให้นักเรียน จบมาต้องทำงาน ไม่ใช่สร้างค่านิยมให้เด็กเป็นอาชญากร เพราะนักเรียนเหล่านี้ อยู่ในวัยหัวเลี้ยวหัวต่อ แม้จะเคยทำผิด แต่ก็มีโอกาสกลับตัวได้

เครือข่ายตำรวจท้องที่ ผู้ปกครอง และศิษย์เก่า ช่วยกันลดความเสี่ยง เฝ้าระวังบุคคลภายนอกที่อาจมีพฤติกรรมเสี่ยง

จากข้อมูลของ กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน พบสถิติเด็กและเยาวชน ที่ถูกดำเนินคดีในสถานพินิจทั่วประเทศ ที่เกี่ยวข้องกับชีวิตและร่างกาย นับตั้งแต่ช่วงปี 2563 จำนวน 1,705 คน ช่วงปี 2564 มีจำนวนลดลงเหลือ 1,477 คน และ กลับมาเพิ่มขึ้นในปี 2565 จำนวน 1,695 คน