เมื่อวันที่ 15 พ.ย.2566 โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ต้อนรับ สี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ที่เดินทางมาถึง Filoli ใน Woodside, California ห่างจาก San Francisco ลงมาทางใต้ประมาณ 40 กิโลเมตร
ผู้นำทั้ง 2 คนนั่งโต๊ะหารือในการพบกันซึ่งหน้าครั้งที่ 2 ในรอบ 3 ปี ตั้งแต่ไบเดนนั่งเก้าอี้ผู้นำสหรัฐฯ ตามหลังการพบกันในเวที G20 ที่บาหลีเมื่อปี 2022 ถือเป็นการพบกันในรอบปีของ 2 ผู้นำ แต่สำหรับ สี จิ้นผิง เป็นการเยือนสหรัฐฯ ครั้งแรกในรอบกว่า 6 ปี
สีและไบเดนกล่าวเปิดการประชุม โดยไบเดน ระบุว่า สหรัฐฯ และจีนจะต้องไม่ปล่อยให้การแข่งขันระหว่างกันพัฒนาไปเป็นความขัดแย้ง ส่วนสี ระบุว่า ตั้งแต่การพบกันที่บาหลีเมื่อปี 2022 เกิดอะไรขึ้นหลายอย่างในโลก โดยโลกฟื้นจากวิกฤตโควิด-19 แต่ยังคงได้รับผลกระทบ เศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัว แต่ยังเป็นไปอย่างล่าช้า
นอกจากนี้ ผู้นำจีนยังระบุว่าความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ เป็นความสัมพันธ์ทวิภาคีที่สำคัญที่สุดในโลก เขาและไบเดนแบกความรับผิดชอบในฐานะคน 2 คน โลกทั้งใบและประวัติศาสตร์ ดังนั้นการหันหลังให้กันสำหรับ 2 ชาติมหาอำนาจไม่ใช่ทางเลือก
จับตา "สี-ไบเดน" หารือสยบวิกฤตโลก ?
หลังกล่าวเปิดประชุม ผู้สื่อข่าวได้รับเชิญออกนอกห้อง เริ่มการประชุมวงปิดและผลการประชุมหรือประเด็นที่หารือกันคาดว่าจะทราบในวันนี้ (16 พ.ย.) แต่หลายฝ่ายคาดคะเนเรื่องที่ 2 ผู้นำจะคุยกันไว้แล้ว หลักๆ คือเรื่องไต้หวัน ทะเลจีนใต้ สงครามอิสราเอลฮามาส รัสเซียบุกยูเครน เกาหลีเหนือ เรื่องสิทธิมนุษยชน และอื่นๆ ที่บาดหมางกันมาก่อน
ผู้เชี่ยวชาญ ประเมินว่า ผู้นำจีนอาจต้องการให้การหารือเป็นไปอย่างราบรื่น เพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชนจีนที่กำลังวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาเศรษฐกิจ และการลงทุนต่างชาติที่ลดลง
นอกจากนี้ ระหว่างการเยือนสหรัฐฯ ครั้งนี้ ผู้นำจีนจะใช้โอกาสพบปะกับนักธุรกิจอเมริกัน เพื่อสร้างความมั่นใจว่าจีนยังเป็นประเทศที่เต็มเปี่ยมไปด้วยโอกาส หวังดึงการลงทุนจากสหรัฐฯ เพื่อช่วยส่งเสริมการฟื้นฟูเศรษฐกิจจีนที่ชอกช้ำจากโควิด-19
การประชุมวงปิดระหว่างผู้นำสหรัฐฯ และผู้นำจีน ก่อนร่วมประชุมเอเปค
สหรัฐฯ จ่อผลักดันฟื้นสายตรงเชื่อมกองทัพจีน
หากจะประเมินคร่าวๆ ว่าแต่ละฝ่ายต้องการบรรลุอะไรจากการหารือ นักวิเคราะห์มองว่า สำหรับไบเดน หลักๆ คือการเปิดช่องทางการสื่อสารโดยตรงระหว่างกองทัพสหรัฐฯ และจีน หลังจากจีนตัดช่องทางติดต่อระหว่างกองทัพไปเมื่อเดือน ส.ค.2022 จากกรณีแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ในขณะนั้นเดินทางเยือนไต้หวัน
การเปิดสายตรงระหว่างกองทัพ เป็นการฟื้นสัมพันธ์ทางการทหารที่จะช่วยป้องกันไม่ให้สหรัฐฯ ถูกลากเข้าไปเอี่ยวในความขัดแย้งที่อาจยกระดับเป็นสงครามสมรภูมิที่ 3 ของโลกในขณะนี้ได้
ขณะที่ประเด็นร้อนอย่างศึกอิสราเอล-ฮามาส คาดว่า ไบเดน อาจขอให้จีนใช้อิทธิพลใดๆ ปรามอิหร่านไม่ให้ยกระดับความรุนแรงของความขัดแย้งที่กำลังดำเนินอยู่ในตะวันออกกลาง เพื่อเลี่ยงการขยายวงกว้างของสงคราม
ส่วนฝั่ง สี จิ้นผิง หลักๆ อาจต้องการฟังจากสหรัฐฯ ว่าไม่ได้สนับสนุนการแยกตัวเป็นเป็นเอกราชของไต้หวัน เพราะในเดือน ม.ค.2024 ไต้หวันจะเลือกตั้งผู้นำคนใหม่ รวมทั้งอาจจะก้าวไปถึงการผลักดันให้สหรัฐฯ ผ่อนคลายมาตรการทางภาษีและการควบคุมการส่งออก โดยเฉพาะหมวดเซมิคอนดักเตอร์
กว่าจะมาเป็น "ประชุมสุดยอดจีน-สหรัฐฯ"
ประเด็นน่าสนใจที่หลายสื่อนำมาตีแผ่ โดยเฉพาะสื่ออเมริกัน คือกว่าจะมาเป็นการหารือกันในวันนี้ (16 พ.ย.) ไม่ง่าย ทุกมิติของการเยือนรัฐแคลิฟอร์เนียของประธานาธิบดีจีน มีการวางแผนมาเป็นอย่างดี ลงรายละเอียดถึงขนาดว่าขบวนรถวิ่งผ่านจุดไหนและได้เห็นอะไรบ้าง หรือมุมกล้องมุมไหนที่จะเก็บภาพของผู้นำจีน ซึ่งนี่เป็นข้อมูลจากคนที่ทราบเนื้อหาสาระภายในเกี่ยวกับการวางแผนเหล่านี้
สื่ออเมริกัน รายงานว่า การจัดเตรียมต้อนรับผู้นำจีนของผู้นำสหรัฐฯ ครั้งนี้ ทางฝั่งคณะเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ต้องเตรียมการรองรับคำขอมากมาย ซึ่งการเตรียมการอย่างแน่นหนาเหล่านี้สะท้อนถึงความวิตกกังวลจากฝั่งจีนเกี่ยวกับภาพลักษณ์ที่จะออกมาในการเยือนสหรัฐฯ ครั้งแรกในรอบ 6 ปีของประธานาธิบดีจีน
โดยรวมแล้ว ภาพการเดินทางเยือนแคลิฟอร์เนียของผู้นำจีน ทางการจีนต้องการให้ออกมายิ่งใหญ่สมฐานะ โดยก่อนหน้านี้ทำเนียบขาวไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของสถานที่ที่ 2 ผู้นำจะพบปะกัน โดยอ้างเหตุผลด้านความปลอดภัย ซึ่งอาจอนุมานได้ว่าทางการจีนไม่ต้องการให้เปิดเผยเพื่อลดความเสี่ยงที่จะมีการประท้วงเกิดขึ้น เนื่องจากไม่ต้องการให้มีภาพในลักษณะนี้ออกไป
แหล่งข่าวที่เปิดเผยกับสำนักข่าว NBC ของสหรัฐฯ บอกด้วยว่า เจ้าหน้าที่จีนแสดงความกังวลกับทีมเจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ และมีคำขอเป็นพิเศษว่าให้การพบปะกันระหว่าง 2 ผู้นำเกิดขึ้นก่อนการประชุมเอเปคกับผู้นำโลกคนอื่นๆ และต้องจัดขึ้นในสถานที่ที่แยกจากเวทีการประชุมสุดยอด เนื่องจากต้องการให้ภาพการเยือนครั้งนี้พิเศษกว่าแค่การประชุมสุดยอดตามปกติ
ส่วนความท้าทายทางฝั่งสหรัฐฯ ไม่พ้นการจัดการนครซานฟรานซิสโก หลังจากเมืองนี้กลายเป็นเมืองที่มีปัญหาหนัก ทั้งคนไร้บ้านและปัญหายาเสพติด อาชญากรรมที่พุ่งสูง รวมถึงสภาพตามท้องถนนในหลายจุดไม่น่ามอง ทั้งที่เป็นเมืองใหญ่เก่าแก่และมีสถานที่สวยงามมากมาย
อ่านข่าวอื่นๆ
ชะตากรรม 162 คนไทยในภาวะสงคราม "เมืองเล่าก์ก่าย"
อิสราเอลชี้ฮามาสซ่อนในอุโมงค์ใต้ รพ.กาซา ใช้เป็นฐานบัญชาการ
UN สูญเสีย จนท.มากที่สุดในประวัติศาสตร์จากสงครามอิสราเอล-ฮามาส