วันนี้ (14 พ.ย.2566) นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ระบุหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการแก้ไขหนี้สินประชาชนรายย่อย ครั้งที่ 1 / 2566 โดยใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมงครึ่งว่า การประชุมวันนี้เป็นวาระแรกหลังมีการตั้งคณะกรรมการฯ เมื่อวันที่ 6 พ.ย.ที่ผ่านมา และมีความชัดเจนในเรื่องการปฏิบัติ ซึ่งภาระคืนเงินกู้ที่เดิมมีอัตราเบี้ยปรับตามกฎหมายเดิมสูง ทำให้เผชิญความยากลำบากในการหาเงินมาชำระหนี้ แต่กฎหมายใหม่ได้ปรับดอกเบี้ยของเบี้ยปรับลงมา ซึ่งจะทำให้ยอดคงค้างนั้นลดลง ทำให้ความสามารถในการชำระหนี้ได้มากขึ้น
อ่านข่าว : อุทยานฯ ประกาศจับ "อิกัวนา" ก่อนนิเวศพัง 3 พิกัดประชากรพรึ่บ
ขณะที่นาย ลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) กล่าวว่า ตั้งแต่กฎหมายใหม่ของ กยศ. บังคับใช้ และได้ปรับปรุงระเบียบ กฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว หลังจากนี้จะคำนวณการชำระหนี้ใหม่ การผ่อนชำระจะเปลี่ยนไปตัดที่เงินต้น, ดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นใหม่ และดอกเบี้ยที่ค้างชำระตามลำดับ ซึ่งจะทำให้เห็นว่า เงินต้นนั้นลดลงได้อย่างราดเร็ว
"การคำนวณใหม่นี้จะครอบคลุมลูกหนี้ทุกราย และจะเริ่มคำนวนใหม่ตั้งแต่วันที่เริ่มผ่อนวันแรก และเมื่อคำนวณใหม่แล้วจะเจอกลุ่มลูกหนี้ที่มียอดชำระลดลงอย่างชัดเจน"
ทัังนี้กลุ่มลูกหนี้ที่ผ่อนชำระอยู่เมื่อคำนวนใหม่หนี้อาจจะหมดไป รวมถึงจะคำนวณให้กลุ่มลูกหนี้ที่ผ่อนชำระหมดแล้วที่อาจจะมีการคืนเงินส่วนต่างหลังคำนวณใหม่
ส่วนกลุ่มลูกหนี้ที่มีความเร่งด่วน เช่น กลุ่มลูกหนี้ที่อยู่ในชั้นกรมบังคับคดีที่มีอยู่ประมาณ 46,000 ราย จะสร้างซอฟต์แวร์สำเร็จรูปคำนวณด้วยมือให้ก่อน หากรอระบบการคำนวณที่คาดว่าจะใช้เวลา 5 เดือน จะทำให้ล่าช้าไป โดยจะเร่งดำเนินการคำนวณด้วยมือให้เสร็จภายในสิ้นปีนี้
รวมถึงกลุ่มลูกหนี้ที่จะหมดอายุความในเดือน มี.ค.2567 ที่มีประมาณ 40,000 ราย จะถูกนำมาคำนวณใหม่ด้วยมือเช่นกันว่า ยอดหนี้สุดท้ายแล้วจะเป็นอย่างไร สามารถมาดูยอดหนี้ใหม่หรือมาปรับโครงสร้างหนี้ใหม่กับ กยศ. หรือตกลงยอดหนี้ใหม่ว่าจะผ่อนชำระหนี้ที่เหลืออยู่อย่างไร
อ่านข่าว : รู้จัก "อิกัวนาเขียว" เอเลียนสปีชีส์ เบอร์ต้น
ส่วนนายชัยณรงค์ กัจฉปานันท์ ผู้จัดการ กยศ. กล่าวว่า ลูกหนี้ทุกคนจะได้รับสิทธิตามกฎหมาย หากมีการปรับโครงสร้างหนี้ใหม่ผู้ค้ำประกันเดิมจะหลุดจากภาระค้ำประกัน โดยจะเปิดให้ปรับโครงสร้างหนี้ตั้งแต่ต้นเดือน ม.ค.2567 เริ่มที่ กรุงเทพฯ ก่อนเปิดตามภูมิภาคต่าง ๆ