โลกคนกลางคืนคึก "ห่วงเมาขับ" ตีปีกปิดผับถึงตี 4

นโยบายขยายเวลาปิดผับถึงตี 4 ของรัฐบาล “เศรษฐา” ที่หวังกระตุ้นเศรษฐกิจภาคกลางคืนให้ขยายตัว ตามแผนนำร่อง 4 จังหวัด คือ "กรุงเทพฯ-เชียงใหม่-ชลบุรี-ภูเก็ต"เป้าหมายนอกจากสร้างเม็ดเงินแล้ว ยัง ดึงดูดกลุ่มนักเที่ยวท่องราตรีให้มากินดื่มมากเพิ่มขึ้น

แน่นอนว่านโยบายดังกล่าวมีทั้งเสียงคัดค้านและเห็นด้วยและความเห็นที่หลากหลาย แต่ประเด็นที่หลายฝ่ายเป็นห่วง คือ “เมาแล้วขับ” ของกลุ่มนักเที่ยวกลางคืน ซึ่งรัฐบาลจะต้องมีมาตรการควบคู่ในการดูแลประชาชน

นายเกรียงไกร เธียรสกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(สอท.) เปิดเผยกับ “ไทยพีบีเอสออนไลน์”ว่า การขยายเวลาปิดผับบาร์ถึงตี 4 ตามที่รัฐบาลมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวกลางคืน เป็นเรื่องที่ดี แต่รัฐบาลจะต้องทำเป็นแซนด์บ็อกซ์ (Sandbox)ในจังหวัดท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต เชียงใหม่ ชลบุรี กรุงเทพ หรือที่อู่ตะเภาซึ่งเป็นจุดดึงเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวได้ดี

อ่านต่อ : พลิก 2 ตลบ ปิดผับตี 4 ขายเหล้าได้

นายเกรียงไกร เธียรสกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(สอท.)

แต่ปัญหาที่เป็นห่วง คือ การขยายเวลาปิดผับไปถึงตี4 ไม่ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติอย่างเดียว แต่นักท่องเที่ยวไทยจะได้รับอานิสงส์ด้วย แต่จะมีปัญหาอุบัติเหตุตามมาจากการ"เมาแล้วขับ"ซึ่งมักเกิดขึ้นบ่อยและสูงมาก เป็นสิ่งที่รัฐบาลจะต้องมีมาตรการออกมาควบคุมควบคู่กันด้วยจะแก้อย่างไรต้องคิดให้รอบด้าน

กลุ่มจะได้ประโยชน์แน่ๆ คือ ภาคบริการ ร้านอาหาร เครื่องดื่ม ผับบาร์ ที่จะได้รับอานิสงส์ จากนโนบายนี้เพราะจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภาคกลางคืนได้ระดับหนึ่ง แต่อย่าลืมว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติ บางคนเขาไม่ได้มาไทยเพื่อมาเที่ยวผับบาร์ทุกคน

อย่างไรก็ตามรัฐบาลต้องหาจังหวัดนำร่องก่อน เช่น ภูเก็ต ที่มีนักท่องเที่ยวหลากหลาย ชลบุรี เชียงใหม่ หรือแม้แต่กรุงเทพ ก็ต้องดูว่าจุดไหน เช่น ถนนข้าวสาร สุขุมวิท เป็นต้น แต่สิ่งสำคัญคือ รัฐบาลต้องมีมาตรการดูแลนักท่องเที่ยวคู่กันไปด้วย

อ่านข่าว : เคลียร์ให้ชัด "Soft Power" จากต้นตำรับเกาหลีคืออะไร

ขณะที่ร้านอาหารกึ่งผับแห่งหนึ่งในย่านสีลม บอกว่า การที่รัฐบาลขยายเวลาปิดเป็นตี 4 ในมุมมองของผู้ประกอบการมองว่า เป็นผลดีกับธุรกิจที่จะรองรับลูกค้านานขึ้นซึ่งเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจกลางคืนได้ แต่สิ่งที่ผู้ประกอบการต้องบริหารจัดการเพื่อรองรับนโยบายดังกล่าว คือ ต้นทุนค่าแรงที่จะจ่ายเพิ่มและพนักงานบางคนอาจจะไม่สะดวกที่จะต้องทำงานระยะเวลาที่นานขึ้น

รัฐบาลต้องมีมาตรการที่เข้มงวดเกี่ยวกับเมาแล้วขับให้ดี เพราะไม่อยากให้เกิดเหตุแล้วทางผู้ประกอบการร้านอาหาร ผับบาร์ต้องตกเป็นแพะถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ที่ทำให้เกิดเหตุ

ด้าน นายแว่น (นามสมมุติ) อายุ 40 ปี บอกว่า ไม่เห็นด้วยที่รัฐบาลจะให้มีการขยายเวลาปิดผับบาร์ไปจนถึงตี 4 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจกลางคืนนั้น ส่วนตัวมองว่าปกติทั่วไปผับบาร์เองก็ปิดเที่ยงคืน-ตี1 แต่นักท่องเที่ยวก็นั่งอยู่ในร้านถึงตี 2 ตี3 อยู่แล้ว และสิ่งสำคัญ คือ ปัญหาอุบัติเหตุเมาแล้วขับจากนักท่องเที่ยวจะเพิ่มมากขึ้น รัฐบาลจะเข้มงวดอย่างไร ไม่ใช่เมื่อเกิดเหตุแล้วก็ล้อมคอกเหมือนทุกครั้ง

อ่านข่าว : เสียงค้านสนั่น “ขยายเวลาปิดผับ”ได้ไม่คุ้มเสีย

ทั้งนี้ข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยถึง สถิตินักท่องเที่ยวในช่วง 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย.2566) พบว่า 5 ประเทศที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาไทยสูงสุด อันดับหนึ่ง คือ มาเลเซีย มีจำนวน 3,302,667 คน จีน 2,493,565 คน เกาหลีใต้ 1,192,986 คน อินเดีย 1,162,251 คน และรัสเซีย 991,773 คน รวมมีนักท่องเที่ยวเข้ามาไทย มีจำนวน 20,003,972คน

โดย 9 เดือน จังหวัดที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวไทย และต่างชาติที่เดินทางไปเยือนมากที่สุด ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร เป็นนักท่องเที่ยวคนไทย จำนวน 22,566,895 คน เกิดการใช้จ่าย 115,163 ล้านบาท นักท่องเที่ยวต่างชาติ มีจำนวน 19,316,343 คน เกิดการใช้จ่าย 404,111ล้านบาท
เชียงใหม่ นักท่องเที่ยวคนไทย จำนวน 5,518,652 คน เกิดการใช้จ่าย 38,6716 ล้านบาท นักท่องเที่ยวต่างชาติ มีจำนวน 1,994,775 คน เกิดการใช้จ่าย 19,569 ล้านบาท
ชลบุรี นักท่องเที่ยวคนไทย จำนวน 10,288,248 คน เกิดการใช้จ่าย 62,017 ล้านบาท นักท่องเที่ยวต่างชาติ มีจำนวน 6,990,077 คน เกิดการใช้จ่าย 92,083 ล้านบาท
และภูเก็ต นักท่องเที่ยวคนไทย จำนวน 2,210,222 คน เกิดการใช้จ่าย 14,784 ล้านบาท นักท่องเที่ยวต่างชาติ มีจำนวน 6,009,165 คน เกิดการใช้จ่าย 248,362 ล้านบาท

 ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

เช็กเลย! กระชากเศรษฐกิจด้วยเงินหมื่น Digital ยังไงบ้าง

โลกใหม่นักเที่ยว "ทัวร์โบราณสถานยามค่ำ" กระตุ้นเศรษฐกิจไทย

หนุนสุดตัว "ปิดผับตี 4 "นักธุรกิจถนนข้าวสาร แนะจัดโซนดึงเงิน