นายยอดรัก หงสา ชาวจังหวัดอุดรธานี เป็นหนึ่งในแรงงานที่ซื้อตั๋วเครื่องบินเดินทางกลับมาเอง ตั้งแต่วันที่ 15 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเขาไปทำงานที่ประเทศอิสราเอลได้ 1 ปี 5 เดือน ยังไม่ครบตามสัญญาจ้าง
ยอดรัก เดินทางมาจาก จ.สมุทรปราการ เพื่อเขียนคำร้องขอรับเงินสิทธิประโยชน์จากกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ 15,000 บาท ส่วนค่าตั๋วเครื่องบิน ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ว่า ต้องไปยื่นคำร้องขอรับเงินคืนที่สำนักงานแรงงานจังหวัด ตามที่อยู่ในบัตรประชาชน คือต้องเดินทางไป จ.อุดรธานี ซึ่งทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายการเดินทางอีก
ขณะที่แรงงานไทยอีกคน ทำงานยังไม่ครบสัญญาจ้าง และตัดสินใจจะไม่กลับไปทำงานที่อิสราเอล ได้มาเขียนคำร้องขอรับเงินสิทธิประโยชน์ทั้งเงินจากกองทุนฯ และเงินค่าบริการจัดหางานบางส่วน ที่จะได้คืนจากบริษัทจัดหางานอิสราเอล ซึ่งจนถึงขณะนี้เขามองว่า ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องการจ่ายเงิน
ข้อมูลจากกระทรวงแรงงาน ระบุว่า การจ่ายเงินสงเคราะห์จากกองทุนฯ จะไม่สามารถจ่ายได้ทันที เพราะมีปัญหาด้านเอกสารของแรงงานที่ไม่ครบถ้วน ซึ่งนายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงา สั่งการให้กรมการจัดหางานจังหวัด เป็นผู้ประสานกับแรงงานในพื้นที่และประสานจ่ายเงิน หลังจากแรงงานยื่นคำร้องที่สำนักงานจัดหางานจังหวัดในพื้นที่ภายใน 3 วัน
ขณะที่นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้มีแรงงานไทยเดินทางได้วันละไม่น้อยกว่า 2 เที่ยวบิน หรือ ประมาณ 300 - 400 คน และรัฐบาลได้จัดเครื่องบินเพิ่มอีก 6 ลำ เป็นเครื่องบินของการบินไทย 1 ลำ เครื่องบินแอร์บัส A-340 ของกองทัพอากาศ 1 ลำ และ เครื่องบินของแอร์เอเชีย และ นกแอร์ อย่างละ 2 ลำ
นอกจากนี้ ต้องขอความร่วมมือกับนายจ้าง ที่กักตัวกลุ่มแรงงานไทยไว้ว่า ขณะนี้ไม่ควรให้ทำงานเพราะในสถานการณ์การสู้รบส่วนแรงงานที่เสียชีวิต เมื่อมีการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลเรียบร้อยแล้ว ก็จะลำเลียงกลับ โดยยอมรับว่า รัฐบาลทำโดยลำพังไม่ได้ ต้องอยู่ที่รัฐบาลอิสราเอลด้วย ซึ่งเชื่อว่าไม่เกิน 1 สัปดาห์ จะสามารถดำเนินการได้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
"กลุ่มเฮซบอลลาห์" ตัวแปรศึก "อิสราเอล-ฮามาส"
คุ้มครองแรงงานไทยเขต red zone "อิสราเอลรบฮามาส" ยืดเยื้อ
"เศรษฐา" ชี้สัญญาณบวกช่วย 17 ตัวประกันไทยในอิสราเอล
จับตา "ไบเดน" เตรียมเยือน "อิสราเอล" พรุ่งนี้