วงแหวนทองคำ (Gullni hringurinn หรือ Golden Circle) คืออีกชื่อหนึ่งของเกาะไอซ์แลนด์ หรือ สาธารณรัฐไอซ์แลนด์ (Republic of Iceland) ประเทศนอร์ดิกในยุโรปเหนือ ตั้งอยู่บนเกาะในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือ ระหว่างกรีนแลนด์ นอร์เวย์ และ สหราชอาณาจักร มีเมืองหลวงคือ เรคยาวิก (Reykjavík)
ประเทศไอซ์แลนด์
ไอซ์แลนด์เป็นประเทศที่ตั้งที่อยู่ตรงกลางระหว่างแผ่นเปลือกโลกอเมริกาเหนือและแผ่นเปลือกยูเรเชียน เป็นประเทศเดียวที่สามารถมองเห็นหุบเขาแนวแผ่นเปลือกโลกแยกตัว "สันเขากลางมหาสมุทรแอตแลนติก (Mid-Atlantic Ridge)" ที่อยู่เหนือระดับน้ำทะเลได้
แผ่นเปลือกโลก 2 แผ่นใต้ประเทศไอซ์แลนด์
การแยกตัวออกจากกันอย่างต่อเนื่องของแผ่นเปลือกโลกทั้ง 2 ทำให้ไอซ์แลนด์มีภูเขาไฟจำนวนมาก ดินบนเกาะแห่งนี้เป็นผืนดินที่ยังใหม่มากและยังอยู่ในช่วงก่อตัว ไอซ์แลนด์ยังมีภูเขาไฟที่ยังตื่นอยู่นับไม่ถ้วน บางพื้นที่ที่เคยมีการปะทุของลาวาจนกระทั่งแห้งแล้วนั้น กลับเกิดสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวที่สามารถเจริญเติบโตได้ และพวกมันแพร่ขยายไปทั่วประเทศ เป็นความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่ถือกำเนิดขึ้น เชิญชวนให้ทุกคนต้องมาดูด้วยตาให้ได้สักครั้งในชีวิต "ทุ่งลาวามอส (Lava field moss)"
ทุ่งลาวาที่เต็มไปด้วย มอส ที่ใช้เวลากว่าร้อยปีเติบโตบนหินลาวา
5 ทุ่งลาวาชื่อดังในไอซ์แลนด์
ไอซ์แลนด์ได้รับฉายาว่า "ดินแดนแห่งไฟและน้ำแข็ง" โดยส่วนของ "ไฟ" มาจากการปะทุของภูเขาไฟนับครั้งไม่ถ้วนในอดีต แต่ในปัจจุบันนั้น นักท่องเที่ยวมีโอกาสน้อยมากที่จะได้เห็นลาวาไหลออกมา ดังนั้นสิ่งที่จะได้พบเห็นในประเทศนี้คือ "ทุ่งลาวาแห้ง" ที่มีอายุต่างๆ กันไป
5 ทุ่งลาวาชื่อดังในไอซ์แลนด์
1. Eldhraun - ทุ่งลาวามอสที่ใหญ่ที่สุดในโลก ครอบคลุมพื้นที่ 565 ตร.กม. "ทุ่งลาวาเอลธรอน" เกิดการปะทุในปี 2326-2327 (200 กว่าปีที่แล้ว) ถือเป็นการปะทุที่อันตรายที่สุด มีก๊าซพิษปริมาณมากที่ยังหลงเหลือจนถึงปัจจุบัน เหตุการณ์ครั้งนั้นส่งผลกระทบเชิงลบต่อไอซ์แลนด์ ประชากรทั้งหมดถูกบังคับให้อพยพไปยังเดนมาร์ก สัตว์เลี้ยงบนเกาะมากกว่าครึ่งหนึ่งตาย
หลังจากลาวาแข็ง พื้นที่ถูกปล่อยรกร้าง สถานที่แห่งนี้กลับถูกใช้เป็นที่ฝึกลูกเรือยานอวกาศอพอลโล 11 ซ้อมเดินบนดวงจันทร์เนื่องจากมีความคล้ายคลึงกับพื้นผิวดวงจันทร์
Eldhraun - ทุ่งลาวามอสที่ใหญ่ที่สุดในโลก
แม้จะถูกปกคลุมไปด้วยมอสที่ใช้เวลาเกือบร้อยปีกว่าจะโต แต่ดินในทุ่งลาวาเอลธรอนก็ยังมีความเปราะบางมาก และเป็นสาเหตุที่ทางการไอซ์แลนด์ไม่อนุญาตให้เดินบนทุ่งลาวามอส วิธีที่ดีที่สุดที่จะเก็บความประทับใจคือ จอดรถในบริเวณลานจอดที่จัดเตรียมไว้ และเดินบนเส้นทางที่กำหนด ถ่ายภาพ ซึ่งไม่ว่าจะหันไปมุมไหน ก็สามารถถ่ายภาพความประทับใจได้ทุกมุม ด้วยพื้นที่อันกว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา
2. Leirhnjukur - ทุ่งลาวาที่ยังคุกรุ่นอยู่ เป็นปล่องภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่ การปะทุครั้งสุดท้ายจะเกิดขึ้นในปี 2527 หรือเกือบ 40 ปีมาแล้ว แต่ทางการไอซ์แลนด์ยังคงเฝ้าระวังภูเขาไฟลูกนี้อยู่ ลาวาที่อยู่ในบริเวณนี้ยังมีความร้อนสะสม มีไอน้ำที่ร้อนพุ่งตัวออกมาตามรอยแยกแผ่นดินเป็นระยะๆ หากนักท่องเที่ยวเดินทางมาแนะนำให้เดินเฉพาะเส้นทางที่ถูกกำหนดไว้เท่านั้น ลาวาที่นี่ยังไม่แข็งตัวอย่างสมบูรณ์ บางพื้นที่ยังเป็นเนินดินเหนียวอยู่
Leirhnjukur - ทุ่งลาวาที่ยังคุกรุ่นอยู่
และที่นี่อาจจะไม่เห็นมอสเกิดขึ้น หรือเกิดขึ้นน้อยมาก เพราะยังเป็นทุ่งลาวาที่อายุน้อยที่สุดใน 5 ทุ่งลาวาชื่อดังของไอซ์แลนด์
3. Dimmuborgir - ทุ่งลาวาแห่งป้อมปราการ ทุ่งลาวาขนาดใหญ่ประกอบด้วย ถ้ำ ภูเขาไฟ และ แนวหิน ทำให้จินตนาการเหมือนป้อมปราการโบราณที่พังทลายลงมา และเป็นที่มาของชื่อ Dimmuborgir ที่แปลว่าป้อมปราการในภาษาไอซ์แลนด์
Dimmuborgir - ทุ่งลาวาแห่งป้อมปราการ
บริเวณนี้เมื่อ 2,300 ปีก่อนเกิดการปะทุของภูเขาไฟ ลาวาไหลผ่านทะเลสาบ ทำให้เกิดการเดือดและเย็นตัวที่เร็วกว่าปกติจนสร้างรูปแบบทางธรณีขึ้นมาเป็นเสาสูงคล้ายป้อมปราการ
4. Berserkjahraun - ทุ่งลาวาโบราณอายุ 4,000 ปี ทุ่งลาวาแห่งนี้เกิดจากการปะทุของปล่องภูเขาไฟ 4 ลูกเมื่อกว่า 4,000 ปีที่แล้ว ลาวาที่ไหลออกมาเผาผลาญพื้นที่เป็นวงกว้าง แต่สุดท้ายก็ยังก่อเกิดพืชมอสขึ้นมา นับเป็นทุ่งลาวามอสที่มีอายุเก่าแก่มากอีกแห่งหนึ่งของไอซ์แลนด์
Berserkjahraun - ทุ่งลาวาโบราณอายุ 4,000 ปี
ทุ่งลาวาแห่งนี้เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว เพราะมีความสวยงามตลอดทั้งปี และบริเวณโดยรอบยังเป็นอุทยานแห่งชาติ เป็นแหล่งชมนก เส้นทางเดินป่า ได้รับการขนานนามว่า "ไอซ์แลนด์จิ๋ว (Iceland in miniature)"
5. Londrangar - ที่อยู่ของภูตจิ๋ว ซากปล่องภูเขาไฟที่ถูกกัดเซาะอยู่ริมทะเล ความเชื่อโบราณชาวไอซ์แลนด์คิดว่า บริเวณนี้เป็นที่อยู่ของเอลฟ์ จุดเด่นของ Londrangar คือภูเขาหินบะซอลต์ความสูง 75 เมตรบนหน้าผาที่เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟเมื่อปี 2278 หรือเกือบ 300 ปีมาแล้ว นอกจากนั้นแล้ว บริเวณรอบๆ Londrangar ยังมีทุ่งลาวามองที่สวยงามเป็นบริเวณเล็กๆ อีกด้วย
Londrangar - ที่อยู่ของภูตจิ๋ว
5 สิ่งที่ควรรู้เมื่อเที่ยวทุ่งลาวาในไอซ์แลนด์
พื้นที่ส่วนใหญ่ของไอซ์แลนด์เป็นภูเขาไฟ ลาวาที่ร้อนมากจากในอดีตอาจจะเย็นตัวลงแล้วในปัจจุบัน แต่ประชาชนและนักท่องเที่ยวต้องรู้ว่า ใต้ผืนแผ่นลาวาที่เย็นตัวลงแล้วนั้น อาจจะยังมีลาวาที่ยังร้อนระอุอยู่ ลาวาชั้นบนสุดอาจแตกหักง่ายเมื่อถูกเหยียบ และการเดินบนลาวาอาจเป็นอันตรายต่อประวัติศาสตร์ทางธรณีวิทยาด้วย
สำนักงานสิ่งแวดล้อมไอซ์แลนด์ ระบุว่า ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ ทุ่งลาวา หรือ ทุ่งลาวามอส ต่างถูกคุ้มครองด้วยกฎหมายคุ้มครองพิเศษ มาตรา 61 แห่ง พ.ร.บ.อนุรักษ์ธรรมชาติของไอซ์แลนด์
การปีนและเดินบนลาวา การขว้างก้อนหิน และการขีดเขียน เป็นสิ่งต้องห้ามและอาจเป็นอันตรายได้
- อย่าสัมผัสหรือเหยียบมอส เพราะมอสเป็นส่วนสำคัญของระบบนิเวศของไอซ์แลนด์ และต้องใช้เวลานานกว่าจะเติบโต เป็นพืชชนิดเดียวที่เจริญเติบโตบนลาวาได้
มอสที่เจริญเติบโตบนลาวาที่แห้งสนิท
- อย่าเดินออกนอกเส้นทางที่กำหนด เพราะอาจสร้างความเสียหายหรือทำลายพันธุ์พืชหรือสัตว์ ทำร้ายระบบนิเวศที่ล้อมรอบเส้นทางได้ นี่เป็นเรื่องที่เข้มงวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในไอซ์แลนด์ ที่ๆ มีมอสเติบโตเกือบทุกที่
เส้นทางเดินชมความสวยงาม ทุ่งลาวามอส
- อย่ามองข้ามป้ายรอบๆ ไอซ์แลนด์ ตามสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในไอซ์แลนด์ จะมีป้ายเตือนทุกประเภท เพื่อให้นักท่องเที่ยวเคารพระบบนิเวศของไอซ์แลนด์ และเที่ยวด้วยความปลอดภัย
ป้ายเตือนให้เดินตามเส้นทางที่กำหนดไว้
- อย่าก่อกองไฟใดๆ เป็นความโชคร้ายของไอซ์แลนด์ที่มีต้นไม้น้อยมากในประเทศ และการก่อกองไฟในที่สาธารณะถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย เนื่องจากระบบนิเวศในไอซ์แลนด์มีความเปราะบางมาก
- อย่าเอาอะไรกลับไป ไอซ์แลนด์พยายามปกป้องระบบนิเวศ สิ่งใดก็ตามที่เป็นธรรมชาติ จะไม่สามารถนำออกจากประเทศได้ ซึ่งรวมถึงพืช ฟอสซิล แร่ธาตุ และ หินลาวา
อาลียาห์ เอเนียธ ผู้อำนวยการ สำนักข่าว Safari Publications เคยกล่าวว่าเราจะไม่เก็บอะไรไปนอกจากรูปถ่าย จะไม่ทิ้งอะไรไว้นอกจากรอยเท้า
รู้หรือไม่ :
- Iceland คือ ประเทศไอซ์แลนด์ อ่านว่า ไอ-สึ-เลิน-ดึ (ออกเสียง ส ตามท้าย ไอ)
- Ireland คือ ประเทศไอร์แลนด์ อ่านว่า ไอ-เออะ-เลิน-ดึ
- Island คือ เกาะ อ่านว่า ไอ-เลิน-ดึ (ไม่ออกเสียง ส ตามท้าย ไอ)
ที่มา : Guide to iceland, Pinatravel