วันนี้ (27 ก.ย.2566) นายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 แถลง สรุปผลการดูงานที่ประเทศสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 22 - 25 ก.ย.ที่ผ่านมา สรุปค่าใช้จ่าย จากงบประมาณที่ตั้งไว้ 1,493,800 บาท ใช้จริง 917,009.51 บาท ใช้ต่ำกว่าที่ตั้งไว้ 500,000 บาท งบรับรองตั้งไว้ 200,000 บาท ใช้จริงไป 60,742 บาท ที่เหลือส่งคืนคลัง โดยใช้ใน 2 ภารกิจหลักหลัก คือ การเลี้ยงรับรองนักศึกษาและคนทำงานไทยในสิงคโปร์ และใช้ในมือรับรองคณะได้พบกับ สส.ของสิงคโปร์
ขณะนี้กำลังรวบรวมรายงานสรุปสิ่งที่ได้จากการศึกษาดูงาน แต่สิ่งที่พบมี 3 เรื่อง การเตรียมพร้อมด้านกฎหมายเรื่องการพัฒนาอุตสาหกรรมรถไฟฟ้า หากไม่สามารถเตรียมโครงสร้างทางกฏหมายรองรับการพัฒนาอุตสาหกรรม EV จะเป็นไปไม่ได้ เช่นเรื่องของเบ้าชาร์จ, ปัญหาทาเลนจ์คนไทยที่ทำงานในสิงคโปร์ ไม่สามารถกลับประเทศไทยได้เนื่องจากระบบเทคโนโลยียังไม่พร้อมและมาตรการทางภาษี และโอเพ่นดาตาที่จะดึงบริษัทเทคโนโลยีมาทำงานในประเทศไทย
ส่วนเรื่องแรงงานไทยในสิงคโปร์พบว่า ไม่พบปัญหาเรื่องละเมิดสิทธิแรงงาน แต่ต้องการสนับสนุนแรงงานไทยให้มีทักษะภาษาอังกฤษและทางช่างให้ดีขึ้น, นโยบายคลาวด์เฟิร์สโพลิซี
นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการพัฒนารัฐสภาให้โปร่งใสและมีความก้าวหน้า สิงคโปร์มี สส.100 คน แต่สามารถร่วมตัดสินใจ เรื่องสำคัญของประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพเพราะให้คุณภาพกับการประชุมเดือนละ 1-2 ครั้ง ใช้เวลาประชุม 3-4 วัน
ในการอภิปรายงบประมาณและการอภิปรายไม่ไว้วางใจของสภาชุดปัจจุบันจะร่วมกันให้ประชาชนสามารถเข้ามาซิทอินนั่งฟังตามที่ประชาชนต้องการ ไม่ใช่เหมือนนิสิตนักศึกษาที่มานั่งดู 5 นาทีแล้วออกจากห้องประชุมอย่างในปัจจุบัน ซึ่งทางสิงคโปร์เรียกว่าประชาชนเป็นพยานในการตัดสินใจต่าง ๆ ของสภาผู้แทนราษฎร
นายปดิพัทธ์ กล่าวว่า มีสมาชิกที่เดินทางตามไป คือ นายวรภพ วิริยโรจน์ ที่ติดโควิด-19 รอจนหายก่อนตามไปช่วง 2 วันสุดท้าย และมีสมาชิกที่เดินทางกลับก่อน คือ นายณัฐพงษ์ เรื่องปัญญาวุฒิและนายศรันย์ ทิมสุวรรณ ที่เดิมตอนวางแผนยังไม่ได้ติดภารกิจ จึงปรับแผนให้สอดรับกัน
ส่วนกรณีภาพที่ปรากฏในโซเชียลมีเดียช่วงหนึ่งได้ดื่มเบียร์กับกลุ่มแรงงานในสิงคโปร์ และตั้งข้อสังเกตว่ามีการจงใจไปดูงานในช่วงเทศกาลคราฟเบียร์ว่า ไม่ได้ไปเทศกาลคราฟเบียร์ แต่ไปเยี่ยมไซด์คนงานในวันเสาร์ในช่วงค่ำ
และช่วงหนึ่งได้เข้าไปเยี่ยมในสถานที่อยู่อาศัย ที่มีการรับประทานอาหารอยู่รวมถึงมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เลยเกิดภาพที่ปรากฎ ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากเวลางาน โดยแสดงความพร้อมให้ตรวจสอบหากเกิดข้อสงสัยและชี้ว่าภาพลักษณ์ในการทำงานจะเป็นเครื่องพิสูจน์
อ่านข่าวอื่น ๆ
พิพากษา! ให้กรมที่ดินชดใช้ "ธนาธร" 4.9 ล้านปมที่ดินป่าราชบุรี
"จุรินทร์" มอง รบ.พักหนี้เกษตรกร 3 ปี เหมือนแปะยาแดง ถามมีงบฯระยะยาวหรือไม่
จับตา! วาระ ก.ตร.แต่งตั้ง ผบ.ตร.คนที่ 14 ลือสะพัดส่อเลื่อนเคาะ