วันนี้ (25 ก.ย.2566) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. แถลงภายหลังตำรวจไซเบอร์ เข้าค้นบ้านพักเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ว่า จากการดูหมายค้นไม่มีชื่อของตน เข้าใจได้ว่าการขอหมายค้นเป็นการหลอกศาล ไม่สุจริต เพราะการขอหมายค้นเป็นการขอหมายค้นเพียงแค่บ้านเลขที่ ไม่ได้บอกศาลว่าเป็นบ้านใคร ทั้งๆ ที่ตนอยู่บ้านนี้มาตลอดและใครๆ ก็รู้ว่าผมอยู่บ้านหลังนี้
แต่การค้นบ้าน ให้มีตำรวจชั้นผู้ใหญ่เข้ามาค้น ซึ่งจากการค้นไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย ไม่มีเส้นเงินที่สาวมาถึงตน ทั้งนี้ได้ตั้งทีมกฎหมายถ้ามีความผิดจะไล่ดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้อง

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร.
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยังกล่าวว่าอาจจะทำคดีเยอะ กระทบกระทั่งเยอะทั้งคดีกำนันนก , 140 ล้าน ซึ่งต้องรับแรงกระแทก
ตำรวจที่โดยหมายจับเป็นลูกน้องทั้งหมด ต้องไปดูเส้นทางเงินว่าเกี่ยวกับพนันออนไลน์ ถ้าลูกน้องกระทำผิดก็ต้องรับสภาพ ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน
ยอมรับว่าทั้งหมดคือการเมืองในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ต้องเชื่อมั่นใจลูกน้อง ต้องให้ความเป็นธรรม ถ้าสืบสวนสอบสวนพบว่ามีเส้นทางเงินที่เกี่ยวกับเว็บพนันจริงก็ต้องดำเนินคดี ถ้าลูกน้องผิดไม่ปกป้อง ทั้งนี้ยืนยันไม่มีเส้นทางเงินไหมมาถึง ซึ่งไม่เคยรับเงิน มีแต่การปราบปราม
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ระบุอีกว่า หลักการขอหมายค้นจะต้องบอกศาลว่าเป็นบ้านของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หากไม่บอกศาลก็ไม่รู้ ซึ่งวันนี้เส้นทางการเงินยังไม่มีความเกี่ยวข้องกับตนเอง ดังนั้นจะเข้าค้นบ้านได้อย่างไร ขณะที่บ้านทั้ง 4 หลังเป็นชื่อของญาติ โดยมีพ่ออยู่ 1 หลัง บ้านของตนอีก 1 หลังและบ้านที่ลูกน้องใช้เก็บของ
วันนี้เชื่อหรือไม่ว่าหาคนสั่งไม่ได้ เรื่องนี้ใครทำต้องรับผิดชอบ เพราะนิสัยผมเป็นนักสู้อยู่แล้ว
วันนี้มีการดำเนินการกับชุดทำงานของตน ก็ต้องดูว่าสิ่งไหนถูกสิ่งไหนผิด ถ้าลูกน้องสามารถแสดงความบริสุทธิ์แล้วผ่านได้ก็จบ ยอมรับว่าเป็นลูกน้องใกล้ตัว ก็ต้องพิสูจน์ตัวเองให้ได้ ตราบใดก็ตามที่ศาลยังไม่พิพากษาจนถึงที่สุดก็ยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธ์ จึงต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกคน

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ไม่ตอบว่าเหตุการณ์นี้เกี่ยวข้องกับการเลือก ผบ.ตร.คนใหม่หรือไม่ แต่ยอมรับว่าที่ผ่านมาทำคดีมามาก เส้นทางการเงินอาจไปเกี่ยวพันกับตำรวจจำนวนมาก และจะมีการออกหมายจับตำรวจอีกหลายนาย ซึ่งก็เป็นธรรมชาติที่ต้องรับแรงกดดัน เพราะหากไม่ทำแล้วใครจะทำ ทั้งนี้มองว่าเป็นการเมืองภายใน ตร.
ต่อจากนี้จะต่อสู้ไปตามกระบวนการของกฎหมาย ใครค้นบ้านด้วยมิชอบก็จะดำเนินคดีอาญา ซึ่งการเข้าตรวจค้นบ้านในวันนี้ (25 ก.ย.) เป็นการดิสเครดิต ทำให้ตนเสียชื่อ แต่อย่างไรก็ตามไม่ได้บั่นทอนการทำงาน เพราะเคยเจอเรื่องแบบนี้มามาก ผ่านการทำงานมามาก เกี่ยวพันกับคนหลายคน และแน่นอนว่าอาจไปขัดผลประโยชน์ของคนหลายส่วน
ยืนยันไม่มีการเอาคืน อันไหนทำถูกก็ว่าไป อันไหนทำผิดก็ฟ้องกลับ

เมื่อถามว่า มีภาพร้องเพลงกับหญิงคนหนึ่งปรากฏในโซเชียลมีเดีย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ตอบว่า เรื่องนี้รู้มานานแล้วว่ามีการนำภาพมาดิสเครดิตตน ซึ่งในวันนั้นเป็นการเลี้ยงลูกน้อง ส่วนใครจะเอาใครมาตนไม่ทราบ และยืนยันว่าไม่รู้จักผู้หญิงคนดังกล่าว ไม่มีความเชื่อมโยง ไม่มีการติดต่อและไม่มีเบอร์โทรศัพท์
ผมเป็นคนเปิดตัว ใครก็เข้ามาหาได้หมด แต่ถ้าทำผิดเมื่อไหร่ก็ต้องขออนุญาตจับ
ส่วนภาพผู้ใต้บังคับบัญชาคนหนึ่งที่นั่งกอดกับผู้หญิงคนดังกล่าว ตนก็ได้เห็นภาพนั้นแล้ว ซึ่งเป็นหน้าที่ของลูกน้องที่จะต้องตอบให้ได้ว่ามีความสนิทสนมและเกี่ยวพันกันแค่ไหน เพราะตนไม่ได้รับรู้ทุกเรื่องที่ลูกน้องทำ แต่ถ้าทำไม่ดีก็ต้องถูกดำเนินคดี นิ้วไหนร้ายก็ต้องตัดทิ้ง
รอง ผบ.ตร.กล่าวอีกว่า เรื่องนี้มีการตรวจเช็ก แต่ไม่ได้สนใจ เป็นเรื่องของเด็กๆ ทำงานจะไปขัดแย้งกัน แต่วันนี้ลามมาถึงตัวเอง ตอนนี้ไม่รู้สึกท้อ และยังยึดหลักทำงานเพื่อสังคม ยังทำงานปกติ และพร้อมที่จะรับแรงเสียดทาน ถ้าคิดจะอยู่นิ่งก็รอเก็บเนื้อเก็บตัวและรออาวุโสไป
ยันถูกดิสเครดิต-บริสุทธิใจ 100%
ลูกน้องต้องไปต่อสู้คดี และพิสูจน์ให้ได้ว่าเส้นเงินมาที่ตัวเองมาจากไหนแต่ยืนบยันไม่เกี่ยวกันตัวเอง และจ่ายค่าไฟก็ให้เด็กไปจ่าย ส่วนตำรวจที่ถูกจับก็ประกันตัวและต่อสู้คดีกัน
การที่ไปให้การสัมภาษณ์ได้แต่ต้องดูว่ากระทบสิทธิหรือไม่ ตราบใดที่ยังไม่แจ้งข้อกล่าวหายังถือเป็นผู้บริสุทธิ์ และต้องต่อสู้คดีกันตามขั้นตอน เรื่องนี้ทราบว่ามีการเตรียมการไว้หลายวันแล้ว แต่ต้องอยู่ในหลักของความเป็นธรรมการทำหน้าที่อย่างโปร่งใส
เมื่อถามว่ามีการนำตำรวจคอมมานโดมาเข้าค้นบ้าน ทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ มองว่าทำเกินกว่าเหตุและตัวเองไม่มีคดี แต่แค่ต้องการให้เสียชื่อเสียง และเราต้องดูว่าการปฏิบัติของเขาที่ไปขอหมายศาลไม่ได้บอกว่าเป็นชื่อของตัวเอง ก็ผิดปกติแล้วศาลไม่รู้ ถ้าเป็นบ้านผู้ใหญ่ระดับ รอง ผบ.ตร. ศาลจะไม่ออกหมายค้น ชื่อบ้าน 5 หลังเป็นญาติของตัวเองมาจากสงขลา เป็นชื่อผู้ซื้อตัวเอง
เมื่อเช้ามีการเข้าค้นไม่มีของผิดกฎหมายอะไร มีการจับกุมลูกน้องที่วิ่งงานเป็นตำรวจชั้นประทวน ข้อหาเว็บพนันและอยู่ระว่างส่งตัวไปประกันที่ศาล
บริสุทธิ์ใจ 100% ไม่มีอะไรมาเกี่ยวกับผม ทำงานมานานแล้วถ้ามีคงมีนานแล้ว คงมาใช่เพิ่งมาเกิด ช่วงบ่ายนี้ยังจะไปร่วมประชุมที่สำนักงานตำรวจเกี่ยวกับงานพิสูจน์หลักฐาน และตอนนี้เตรียมตั้งคณะทำงานต่อสู้คดี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
สะพัดรวบ 5 ตร.ลูกน้อง "บิ๊กโจ๊ก" ยศ พล.ต.ต.-ชั้นประทวน
"บิ๊กโจ๊ก" บริสุทธิ์ใจ ปัดโยงพนันออนไลน์ ลั่นหากลูกน้องทำผิดไม่ละเว้น