รองผบก.ป.ตรวจสำนวนคดียิงสารวัตร
วันนี้ (17 ก.ย.2566) ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พนักงานสอบสวนชุดคลี่คลายคดีกำนันนก เรียกสอบปากคำผู้ที่เกี่ยวข้อง และตรวจพยานหลักฐานในคดีเพิ่มเติมและเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. เดินทางมาติดตามความคืบหน้าคดี พร้อมเปิดเผยว่า การสอบปากคำตำรวจกลุ่มที่เหลือ ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อยุติว่าจะมีความผิดฐานให้การเท็จและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือไม่
ในผลการสอบสวน ยังต้องตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียดประกอบกัน ทั้งภาพจากกล้องวงจรปิด ,พฤติการณ์ของพยานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณา โดยจะขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง
กลุ่มตำรวจที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ก็ต้องแยกกลุ่มพิจารณา เช่น บุคคลที่รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ในทางคดีคือผู้เสียหายอยู่แล้ว ขณะที่อีกส่วนหนึ่งที่มีการช่วยเหลือผู้ต้องหา ก็ถูกดำเนินคดีไปแล้ว 6 นาย
พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป.
คำให้การจะต้องดูเป็นคนๆ ไป
ในส่วนที่เหลือแต่ละคนจะมีพฤติกรรมอย่างไร ก็ต้องดูในข้อเท็จจริงที่ปรากฏ ตามภาพวงจรปิดหรือจากคำให้การของพยานอื่นที่เกี่ยวข้อง หากมีพฤติการณ์ที่ชี้ว่า ละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ มีหน้าที่แล้วไม่ปฏิบัติ จนทำให้เกิดความเสียหาย ก็จะถูกกล่าวหาตามมาตรา 157
ในเรื่องของคำให้การ จะเป็นการให้การจริงหรือเท็จ จะต้องดูในชั้นแรกว่า ได้ให้การไว้ครบถ้วนหรือไม่ ในบางกรณีอาจจะให้กันไว้ในมุมที่เขารับรู้ แต่ภายหลังเมื่อสอบเพิ่มเติมแล้ว ให้การเพิ่มเติมแบบนี้ก็ถือว่า ไม่ได้ให้การเท็จ คือต้องดูเป็นรายบุคคลไป
แต่ในบางกรณีอาจจะให้การไว้ว่า ไม่รู้ไม่เห็นเลย แต่ภายหลังมาบอกว่ารู้เห็น แบบนี้อาจจะเป็นเรื่องให้การเท็จได้ต้องพิจารณาเป็นเรื่องๆ ไป” พร้อมยืนยันว่า คณะพนักงานสอบสวนให้ความเป็นธรรมกับทุกคน
พ.ต.อ.เอนก กล่าวถึง สาระสำคัญในคดีคือนาทียิง พ.ต.ต.ศิวกร สายบัว สว.ส.ทล.1 บก.ทล. ว่า มีพยานเห็นหลายปาก ทั้งในส่วนที่ร่วมโต๊ะกำนัน และส่วนที่นั่งร่วมโต๊ะวีไอพี ของกลุ่มตำรวจ จึงถือว่าเรื่องการยิง มีความชัดเจนทางคดีแล้ว
ส่วนคำให้การของ ผกก.สน.พญาไท ในการให้ปากคำในเบื้องต้น ที่ สภ.เมืองนครปฐม ถือว่าเป็นคำให้การที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดีมาก ไม่ได้บิดพลิ้วในลักษณะ อ้างว่า ไม่รู้ไม่เห็นอะไร
โอนสำนวนคดีไปที่ บช.ก. ยกเว้นคดีฮั้วประมูล
พ.ต.อ.เอนกกล่วต่อว่า สำนวนคดีทั้งหมด มีการโอนไปที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ตามคำสั่งของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แต่ในการเรียกสอบพยานในคดีละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และคดีฮั้วประมูลของบริษัท “กำนันนก" ที่อยู่ในอำนาจของตำรวจ จะยังคงสอบปากคำที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 เพื่อความสะดวกของพยานในการเดินทางเข้าให้ปากคำ
ดีเอสไอเรียก 58 บริษัทสอบคดีฮั้วประมูล
ส่วนความคืบหน้าคดีฮั้วประมูล ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษหรือ ดีเอสไอ ดำเนินการสืบสวนสอบสวนนั้นคือ โครงการก่อสร้างถนนทางหลวงหมายเลข 375 รวม 2 โครงการใหญ่ ที่แต่ละโครงการมีมูลค่างบประมาณมากกว่า 30 ล้านขึ้นไป
ร.ต.อ.สุรวุฒิ รังไสย์ ผอ.กองคดีฮั้วประมูล เปิดเผยว่า ในวันพรุ่งนี้ (18 ก.ย.2566) ได้เรียกบริษัทที่มีประวัติซื้อซองประกวดราคา เข้ามาให้ข้อมูล จำนวน 20 บริษัท ต่อเนื่องกันในวันที่ 19 ก.ย.ก็เรียกมาอีก 20 บริษัท ส่วนในวันที่ 20 ก.ย.18 บริษัท รวม 58 บริษัท
โดยประเด็นการสอบถามคือ สาเหตุของการซื้อซองประกวดราคา แต่ไม่เข้าร่วมเสนอราคา ซึ่งทั้งหมดนี้ถูกเรียกสอบในฐานะพยาน ส่วนกลุ่มบริษัทที่ต้องสงสัยว่า เข้าข่ายฮั้วประมูลจะไม่มีการเรียกสอบปากคำ
แต่หากสืบสวนสอบสวนแล้ว พบพยานหลักฐานเพียงพอที่จะกล่าวหาได้ ก็จะออกหมายเรียกให้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาตามขั้นตอนทางกฎหมาย แต่ยอมรับว่าคดีฮั้วประมูล เป็นคดีที่ต้องใช้เวลา เพราะต้องพิสูจน์ข้อเท็จจริงจากรายเอียดการเงิน, งานเอกสาร ต่างๆ ไปจนถึงการจัดซื้อ จัดจ้าง อนุมัติงบประมาณ เป็นต้น
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม
รมว.ยธ.ระบุเตรียมตรวจสอบเส้นทางการเงินทุกคน
ทางด้าน พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงเรื่องเดียวกันว่า ตำรวจทำงานอย่างเต็มที่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะต้องแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน โดยเฉพาะเรื่องฮั้วประมูลเช่น ข้าราชการ ทำผิดประพฤติมิชอบ ก็ต้องส่งให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบ
เบื้องต้นต้องขอบคุณตำรวจที่ได้รวบรวมหลักฐาน จนมีความคืบหน้าไปมาก ยิ่งเป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจ และกระทบกับงบประมาณด้วย แต่เบื้องต้นตนเองยังไม่ได้เข้าไปดูในรายละเอียด ว่าเป็นอย่างไรบ้าง แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานว่าได้พยายามทำอย่างเต็มที่แล้ว
ส่วนความคืบหน้าของรูปคดี พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า จะนำเข้าเป็นคดีพิเศษ และเชื่อว่าจะเร่งทำเพราะว่ามีหลักฐานจำนวนมากแล้ว และอาจจะขยายไปที่ผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย โดยเฉพาะการตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคน
ผู้ว่าฯนครปฐม สั่งปลดกำนันนกจาก กต.ตร.
วันเดียวกัน นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าฯ นครปฐม ในฐานะประธานกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจจังหวัดนครปฐม ลงนามในเอกสารระบุว่า ตามคำสั่งคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจจังหวัดนครปฐม ที่ ลงวันที่ 28 เม.ย.2566 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจจังหวัดนครปฐม ที่ได้แต่งตั้งให้ นายประวีณ จันทร์คล้าย เป็น กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการศาสนาหรือวัฒนธรรม
แต่เนื่องจาก นายประวีณ จันทร์คล้าย ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมดำเนินคดี ในความผิดฐานเป็นผู้ใช้ให้ผู้อื่นกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพยายามฆ่าผู้อื่น ตามหมายจับศาลจังหวัดนครปฐม จึงเป็นเหตุให้ขาดคุณสมบัติในการเป็นคณะกรรมการตรวจสอบและติดตามการบริหารงานตำรวจ จังหวัดนครปฐม ตามระเบียบ ก.ต.ช.ฯ จึงให้ นายประวีณ จันทร์คล้าย พ้นจากตำแหน่ง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการศาสนาหรือวัฒนธรรม ตั้งแต่วันที่ 10 ก.ย.
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง