นายกฯ บินด่วนภาคอีสาน ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม

ช่วงเย็นวานนี้ (7 ก.ย.66) นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางถึงสนามบินขอนแก่น เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำ และเศรษฐกิจในพื้นที่ภาคอีสาน ซึ่งเร็วกว่ากำหนดการเดิม 1 วัน เพราะได้รับรายงานจาก สส.จังหวัดกาฬสินธุ์ว่า มีฝนตกหนักในพื้นที่ตั้งแต่เมื่อวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา ทำให้น้ำท่วมหนักใน 4 อำเภอ ของ จ.กาฬสินธุ์ โดยเฉพาะที่ อ.กุฉินารายณ์ ที่มีบ้านเรือนประชาชนถูกน้ำท่วมได้รับความเสียหายหลายครัวเรือน จึงมีความกังวลและตัดสินใจเดินทางมาก่อนกำหนด

นอกจากนี้ ยังเตรียมที่จะดูสถานการณ์น้ำแล้งที่ จ.ขอนแก่นด้วย เมื่อดูปริมาณน้ำใช้การได้ในเขื่อนขนาดใหญ่ภาคอีสาน พบว่า หลายแห่งน่าเป็นห่วงเช่น เขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น ตอนนี้มีน้ำใช้การได้ 300 ล้าน ลบ.ม.หรือคิดเป็นร้อยละ 12 ของความจุเขื่อนเท่านั้น

ขณะที่เขื่อนจุฬาภรณ์ จ.ชัยภูมิ มีน้ำใช้การได้ 30 ล้าน ลบ.ม.เป็นร้อยละ 18 เขื่อนสิรินธร จ.อุบลราชธานี มีน้ำใช้การได้ 640 ล้าน ลบ.ม.อ หรือคิดเป็นร้อยละ 33 และเขื่อนลำตะคอง จ.นครราชสีมา 106 ล้าน ลบ.ม.หรือคิดเป็นร้อยละ 34 ของความจุเขื่อนเท่านั้น

นอกจากสถานการณ์น้ำแล้ว นายกฯ ยังเตรียมติดตามเรื่องการผลักดันนโยบายเศรษฐกิจในพื้นที่ภาคอีสาน โดยเมื่อวานนี้ นายกฯ ได้ไปเดินที่ตลาดโต้รุ่งรื่นรมย์ ถนนรื่นรมย์ ต.ในเมือง อ.เมืองขอนแก่น พบปะพ่อค้า แม่ค้า และประชาชน ที่มาจำหน่ายและรับประทานอาหารในช่วงเย็น พร้อมกับรับปากว่า รัฐบาลจะเร่งให้การช่วยเหลือประชาชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในทุก ๆ ด้าน

ส่วนวันนี้ นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น จะนำเสนอแผนการบริหารจัดการน้ำ ภาพรวมสถานการณ์น้ำทั้งจังหวัด รวมถึงสถานการณ์น้ำในเขื่อนอุบลรัตน์

ขณะที่ภาคเอกชนใน จ.หนองคาย ประชุมร่วมกันระหว่างหอการค้าจังหวัด สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดหนองคาย ผู้ประกอบการค้าชายแดนในพื้นที่จังหวัดหนองคาย เร่งรัดให้สร้างสะพานรถไฟคู่ขนาน เพื่อลดความแออัดของการคมนาคมทางรถไฟไทย – ลาว ที่ปัจจุบันยังเป็นระบบร่วม ระหว่างรถไฟกับรถยนต์

รวมถึง การจัดตั้งศูนย์วัน สต็อบ เซอร์วิส ประสานงานธุรกิจไทย ลาว ส่งเสริมสถานีรถไฟนาทา ให้เป็นอินเตอร์เนชั่นแนลไดร์พอร์ต แทนทรานชิปเม้น เสนอให้ก่อสร้างถนนจากถนนมิตรภาพ หมายเลข 2 เข้าเขตเศรษฐกิจพิเศษ ระยะทาง 4.8 กม. ในพื้นที่ อ.สระใคร เร่งรัดโครงการทางคู่จากนครราชสีมา – หนองคาย ให้เสร็จตามกำหนด ปี 2569 และที่สำคัญ คือการ ปลดล็อกผังเมือง หรือ ใบอนุญาตสถานประกอบการบันเทิง เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่ขยายตัวมากขึ้น

นอกจากนี้ นายกฯ เตรียมไปติดตามความคืบหน้าการจัดงานพืชสวนโลก ที่ จ.อุดรธานี ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 1 พ.ย.2569 ถึง 14 มี.ค.2570 คาดว่า จะมีผู้เข้าชมงานถึง 3.6 ล้านคน และมีเงินสะพัดกว่า 3.2 หมื่นล้านบาท