เราไม่มีเวลาฮันนีมูน พรุ่งนี้ก็ทำงานต่อ
คิวแน่นตั้งแต่วันแรก “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 นำทัพคณะรัฐมนตรี “รัฐบาลนิด 1” เข้าทำเนียบรัฐบาลอย่างเป็นทางการตั้งแต่เช้าตรู่
ถือฤกษ์ 08.00 น. สักการะพระพรหมบนตึกไทยคู่ฟ้า ศาลพระภูมิเจ้าที่ และศาลตา ศาลยาย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล เพื่อความเป็นสิริมงคลก่อนเริ่มประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นัดแรก
นายกเศรษฐา สวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้า ผูกเนกไท ลายสีเหลือง สวมสูทสีเทาอมน้ำตาล สีหน้าสดใส ยิ้มแย้มทักทายสื่อ จากนั้นนั่งหัวโต๊ะประชุมครม.นัดพิเศษ ซึ่งมีวาระสำคัญในการจัดทำคำแถลงนโยบายของ ครม.เพื่อแถลงต่อรัฐสภาในวันที่ 11 ก.ย.นี้
ท่ามกลางการจับตาเอกสารถ้อยแถลงนโยบาย 55 หน้าที่หอบหิ้วมาทำเนียบรัฐบาล และบางส่วนถูกนำไปเผยแพร่ในโซเซียล
พร้อมถูกตั้งคำถามกลัวจะไม่ทำตามสัญญาที่หาเสียงไว้กับประชาชน และความ “เร่งด่วน” ที่อาจถูกลืมไป และถูกลดความสำคัญลงไป หลังจากการจับมือกับ 11 พรรครัฐบาลโดยไร้เงาของพรรคก้าวไกล จนอาจเรียกว่า
นโยบายไม่ตรงปก กับที่เคยหาเสียงไว้
ไม่มีเรื่องให้เลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ที่ไม่มีร่างใหม่ทั้งฉบับ ซึ่งเป็นคำถามใหญ่ รวมทั้งไม่มีขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท ไม่มีรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย รวมถึงการยกเลิกเกณฑ์ทหาร ก็กลายเป็น “ลดจำนวนทหารเกณฑ์”
รถไฟฟ้า 20 บาทอาจไม่มีอยู่จริง?
โดยเฉพาะที่ถูกทวงถามทันที หลัง สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เจ้ากระทรวงคมนาคมคนใหม่ เริ่มส่งสัญญาณบอกกับสื่อเรื่องรถไฟฟ้า กทม. 20 บาทตอนนี้ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน แม้ว่าต้องการทำ โดยให้เหตุผลว่ามีนโยบายอื่นที่สำคัญมากกว่าและต้องการนำเงินไปใช้ตรงนั้นก่อน แต่วันนี้กลับลำยืนยันว่าได้ใช้แน่ภายใน 2 ปีนี้
สอดคล้องกับที่ นายเศรษฐา ที่ถูกสื่อตั้งคำถามหมัดตรงในประเด็นนี้ว่า ยืนยันว่าบรรจุไว้เป็นเรื่องคร่าวๆ อยู่แล้ว เป็นคำแถลงกว้างๆ จะดูเรื่องการขนส่งทั้งหมด
ไม่ว่าจะเป็นทางน้ำอากาศบก และราง เรื่องของรถไฟฟ้าต้องมาดูการเชื่อมต่อทุกสายให้เข้ากัน และก็ต้องใช้บัตรใบเดียวเพื่อความสะดวก และต้องดึงเรื่องทั้งหมดกลับมาดูว่า ค่าใช้จ่ายที่เหมาะสมจะเป็นเท่าไหร่ รัฐบาลจะต้องมีการชดเชยเท่าไหร่ ในแง่ของงบทั้งหมด
เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี
ดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นกระตุกเศรษฐกิจ
ส่วนที่ชาวบ้านทวงถามคงหนีไม่พ้นเงินดิจิทัล 10,000 บาท ในคำแถลงนโยบายถูกระบุตอนหนึ่งว่า นโยบายการเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต จะทำหน้าที่เป็นตัวจุดชนวนที่จะกระตุกเศรษฐกิจประเทศให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เราจะส่งเงินเข้าไปในระบบเศรษฐกิจอย่างทั่วถึง และกระจายไปยังทุกพื้นที่ให้หมุนเวียนในเศรษฐกิจระบบฐานราก
ในประเด็นนี้ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่ารัฐบาลจะทำให้ได้ภายในวันที่ 1ก.พ.2567 ตอนนี้ทำงานเต็มที่อยู่แล้ว และประสานกับหน่วยงานราชการทุกหน่วยงาน เพื่อให้สามารถออกมาได้โดยเร็ว
หากจับการแถลงข่าวต่อสื่อทำเนียบวันแรกของนายเศรษฐา เชื่อว่าเตรียมทำการบ้านมาอย่างดี เน้นย้ำถ้อยคำเดิมว่า
ต้องการเป็นรัฐบาลของประชาชน ต้องมาทำงานเพื่อประชาชน ลืมความเหน็ดเหนื่อย ตามหลักกฎหมาย และความชอบธรรม
พร้อมยังยืนยันว่า มีอิสระในการทำงานแม้จะถูกมองว่า มีความใกล้ชิดกับตระกูลชินวัตร ซึ่งเขาบอกว่า
ขอเวลาในการบริหารราชการอีกสัก 3-6 เดือน สื่อมวลชนมาถามอีกที ผมมีอิสระในการทำงาน ไม่ใช่แค่ครอบครัวชินวัตร ผมมาวันนี้ รัฐบาลนี้มาทำงานเพื่อประชาชน ใครมีข้อมูล คำแนะนำที่ดีก็รับฟัง
ปิดท้ายด้วยวลีของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล บอกว่า ขออวยพรให้รัฐบาลชุดนี้ ทำตามหน้าที่หาเสียงไว้ให้ได้ เพราะหาเสียงไว้คล้ายกัน ไม่ต้องฟังคำวิจารณ์จากผม แค่จำให้ได้ว่ามี Digital Footprint หรือรอยเท้าบนโลกดิจิทัล
นับก้าวแรกการทำงานของรัฐบาล “นิด 1” หรือรัฐบาลเศรษฐา 1 จึงเป็นโอกาสที่ท้าทายคนไทยว่าจะให้สอบผ่านหรือสอบตก