วันนี้ (31 ส.ค.2566) นายชูศักดิ์ ศิรินิล ในฐานะรักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และทีมกฎหมายของพรรคฯ กล่าวถึงขั้นตอนการจัดการออกเสียงประชามติ เพื่อสอบถามความเห็นประชาชนในการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ว่า ในขั้นตอนการจัดการออกเสียงประชามติ พรรคเพื่อไทย จะเสนอให้ถามประชาชนว่า เห็นควรให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
โดยส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนหรือไม่ และให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้พิจารณาปรับแก้คำถาม และเมื่อ (ครม.) เห็นชอบให้มีการจัดการออกเสียงประชามติแล้ว กกต.จะต้องดำเนินการจัดการออกเสียงประชามติ ในระยะเวลาไม่น้อยกว่า 90 วัน แต่จะต้องไม่เกิน 120 วัน
ทั้งนี้หากการออกเสียงประชามติ ประชาชนมีมติเสียงข้างมากให้มีการจัดทำรัฐธรรม นูญฉบับใหม่แล้ว รัฐสภาก็จะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ในมาตรา 256 โดยเพิ่มหมวดว่าด้วยการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยส.ส.ร.ก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง ส.ส.ร. ขึ้นมายกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
คาดว่ากระบวนการทั้งหมด น่าจะต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 3 ปี และเมื่อมีผลประชามติจากประชาชนมาแล้วก็มั่นใจว่ารัฐสภา จะสนับสนุน
นายชูศักดิ์ กล่าวถึง กรณีที่พรรคเพื่อไทย ไม่สนับสนุนพรรคก้าวไกลให้มีการเลื่อนวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้สภาฯ ได้พิจารณา และมีมติให้ ครม.จัดการออกเสียงประชามติจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ว่า แม้ที่ประชุมสภาฯจะมีมติเห็นชอบแล้ว ก็ยังจะต้องนำไปขอความเห็นชอบจากวุฒิสภาอีก
พ.ร.บ.ว่าด้วยการจัดการออกเสียงประชามติ จะต้องเป็นมติของรัฐสภา ที่จะเสนอให้ ครม.ดำเนินการ ดังนั้น หากให้ ครม.มีมติในการประชุมครม.ทันที ก็จะเป็นการย่อระยะเวลาได้
นายชูศักดิ์ กล่าวถึงกรณีที่มีข้อห่วงกังวลของ สว.ในการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ที่อาจไปกระทบต่อหมวด 1 รูปแบบรัฐ และหมวด 2 สถาบันพระมหากษัตริย์ จึงต้องกำหนดเงื่อนไข การยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ไว้ในการออกเสียงประชามติด้วยเลยหรือไม่ว่า ตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 255 บัญญัติไว้แล้วว่า การปรับแก้รัฐธรรมนูญห้ามกระทบต่อรูปแบบการปกครอง และรูปแบบของรัฐ
เชื่อมั่นว่าโดยทั่วไปแล้ว คงจะไม่มีใครประสงค์ที่จะแก้ไขหมวด 1 และหมวด 2 ของรัฐธรรมนูญ
อ่านข่าว
"บิ๊กตู่" ถือฤกษ์ 09.09 น.สักการะสิ่งศักดิ์ อำลาทำเนียบรัฐบาล