หลังจากที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา เมื่อวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา ลงมติให้นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30
วันนี้ (23 ส.ค.2566) นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย หรือ FETCO กล่าวว่า ตลาดทุนตอบรับผลการโหวตนายกรัฐมนตรีที่มาจากนักธุรกิจ เพราะน่าจะเข้าใจปัญหา และลำดับความสำคัญ เพื่อแก้ปัญหาอย่างรวดเร็ว
แต่จากนี้ นักลงทุนกำลังจับตามองความชัดเจนในการจัดสรรแบ่งตำแหน่ง และกระทรวง ในรัฐบาลพรรคผสม ก่อนนำไปสู่การหาข้อสรุปลำดับแนวนโยบาย ซึ่งอาจไม่สามารถผลักดันนโยบายหาเสียงแต่ละพรรคได้ทั้งหมด โดยเฉพาะนโยบายแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท หลังเคยมีประสบการณ์ทำงานกับภาครัฐ พบปัญหาการผลักดันนโยบาย ที่มักเผชิญข้อจำกัดงบประมาณ และการทำงานในระบบราชการ
ทั้งนี้ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย เตรียมเข้าหารือกับรัฐบาล เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็น และข้อเสนอแนวนโยบายส่งเสริมตลาดทุนไทย เช่น การผลักดันให้ไทยเป็นสตาร์ทอัพฮับ การดึงดูดผู้พัฒนาเทคโนโลยีต่างประเทศเข้ามาในไทย รวมทั้งการปรับปรุงกองทุนลดหย่อนภาษี และกองทุนใหม่ รองรับกองทุน SSF ที่กำลังสิ้นสุดในปี 2567
นอกจากนี้ ประธาน FETCO ยังแสดงความกังวลต่อวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ในจีน จะเริ่มเห็นผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก โดยอาจเห็นปัญหากระทบการส่งออกไทย และสินค้าจีนทะลักเข้าตลาดโลก รวมทั้งไทยในปีหน้า จึงต้องติดตามแนวทางแก้ปัญหาของรัฐบาลจีน เพื่อวิเคราะห์ผลกระทบกับไทยที่ชัดเจนมากขึ้น
ทั้งนี้ แม้เศรษฐกิจไทย พึ่งพาการท่องเที่ยว แต่นักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าประเทศเฉลี่ยเดือนละ 400,000 คน น่าจะไม่กระทบภาคการท่องเที่ยว ที่เป็นกลไกหลักพยุงเศรษฐกิจไทยเวลานี้