หลังเกิดเหตุโรงงานพลุและดอกไม้ไฟที่ จ.เชียงใหม่ ระเบิด ผ่านไปเพียง 5 วัน ก็เกิดเหตุในลักษณะคล้ายกันกับโกดังใน จ.นราธิวาส สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินรุนแรง ทำให้สังคมเกิดการตั้งคำถามโกดังเก็บดอกไม้ไฟที่ จ.นราธิวาส ไปตั้งอยู่กลางชุมชนได้อย่างไร
อ่านข่าว : โกดังพลุระเบิด นราฯ ตาย 12 เจ็บ 108 สธ.เร่งเยียวยาจิตใจ
โกดังพลุระเบิดกินรัศมี 500 เมตร
ความรุนแรงจากการระเบิดของพลุและดอกไม้เพลิงที่เก็บไว้ในโกดัง ซึ่งแรงระเบิดสามารถทำลายล้างในรัศมี 500 เมตร ส่งผลให้บ้านเรือนประชาชนในรัศมีดังกล่าวได้รับความเสียหายอย่างหนัก ไม่เหลือแม้แต่โครงสร้าง
จาการตรวจสอบข้อมูลจากตำรวจหน่วยเก็บกู้และตรวจสอบวัตถุระเบิด (EOD) ระบุว่า ดินดำ หรือ ดินปืน ซึ่งส่วนประกอบหลักของพลุ ตะไล ดอกไม้เพลิง จะมีแรงระเบิดที่ต่ำกว่า ไตรไนโตรโทลูอีน สารเคมีที่ใช้ระเบิดถึง 2 เท่า
เมื่อเปรียบเทียบกับพื้นที่จริงรัศมีการระเบิดจึงสร้างความเสียหายต่อบ้านเรือนประชาชน ในลักษณะหลังคาบ้านแตก กระจกร้าว ได้ที่ระยะ 500 เมตร จากความรุนแรงที่เกิดขึ้น คาดว่า ดอกไม้เพลิงในโกดังดังกล่าว มีดินดำอยู่ประมาณ 12.5 กิโลกรัม
อ่านข่าว : โกดังเก็บพลุดอกไม้ไฟระเบิด อุบัติภัยจากสารเคมี
ตรวจสอบเจ้าของโกดังลักลอบเก็บดอกไม้เพลิงกลางชุมชน
ตรวจสอบจากหลักเกณฑ์ควบคุมและกำกับดูแลการผลิต การค้า การครอบครอง และการขนส่ง ตามประกาศกระทรวงกลาโหม พ.ศ.2547 กำหนดไว้ ว่า อาคารสถานที่หรือบริเวณที่ใช้ในการผลิตดอกไม้เพลิง ต้องตั้งอยู่ในทำเลและสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมไม่ตั้งอยู่ในย่านชุมชน โรงเรียน สถาบันการศึกษา โรงมหรส วัด โรงพยาบาล และโบราณสถาน
มีระยะห่างจากแนวรั้วหรือแนวเขตที่ดินอย่างน้อย 20 เมตร นอกจากนี้ต้องอยู่ห่างจากอาคารไม่มีสิ่งขวางกั้น 32-55 เมตร ห่างจากอาคารแต่มีสิ่งขวางกั้น 17-28 เมตร อีกด้วย นี่เป็นกฎหมายเพื่อควบคุมดูแลป้องกันไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ แต่ในทางปฎิบัติจริง หลายโกดังไม่ได้ปฎิบัติเช่นนั้น
เพราะจากการตรวจสอบข้อมูล ทีมข่าวไทยพีบีเอสพบว่า โกดังแห่งนี้ตั้งอยู่ใจกลางชุมชนเป็นอาคารชั้นเดียว ขนาดกว้าง 15 เมตร ยาว 30 เมตร เป็นโกดัง เก็บสินค้าขายของชำ เพื่อนำไปขายในอำเภอใกล้เคียง ใน จ.นราธิวาส
เพิ่งดำเนินกิจการราว 5 เดือน มีการขอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย แต่มีการลักลอกเก็บดอกไม้เพลิงไว้ สอดคล้องกับข้อมูลของชาวบ้านในพื้นที่ระบุว่า มีดอกไม้เพลิงประมาณ 2 รถบรรทุก เข้าไปเก็บไว้ในโกดังและเคยร้องให้ตรวจสอบด้วย
สูญเสียคนในครอบครัว 5 คน
นายยศดนัย บูละ ลูกชายผู้เสียชีวิตจากเหตุพลุระเบิด จ.นราธิวาส เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวานนึ้ (29 ก.ค.) ว่า เขาทำงานอยู่ที่ทำการชุดคุ้มครองตำบลได้รับแจ้งว่ามีเหตุระเบิดในหมู่บ้านจึงวิ่งกลับมาดู สวนทางกับคนอื่นที่กำลังวิ่งออกจากหมู่บ้าน จุดแรกที่เข้าไปคือบ้านแม่ พบว่าแม่กำลังถูกซากบ้านทับอยู่จึงช่วยออกมาได้
จากนั้นวิ่งไปทางหลังบ้านไปเห็นบ้านพ่อซึ่งอยู่ติดกับคลังเก็บปะทัดพบว่าบ้านเหลือเพียงเสากลางบ้าน ได้ยินเสียงคนร้องขอความช่วยเหลือจึงช่วยคนอื่นก่อนวิ่งไปที่บ้าน แล้วพบว่า พ่อ หลาน น้องสาว รวม 5 คน เสียชีวิตทั้งหมด
นายยศดนัย บูละ ลูกชายผู้เสียชีวิตจากเหตุพลุระเบิด จ.นราธิวาส
นายยศดนัย บอกว่า ที่เหลืออยู่ตอนนี้ คือบ้านแม่ ซึ่งเสียหายเกือบทั้งหลังจากนี้ต้องค่อย ๆ ซ่อม หาผ้ามากางเป็นที่หลบแดดเบื้องต้นก่อน
นายยศดนัย กล่าวอีกว่า ไม่กี่วันก่อนเกิดเหตุพ่อซึ่งเสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้เคยไปเตือนเจ้าของโกดังเก็บปะทัดว่าไม่ให้เก็บปะทัดเยอะ เพราะอยู่ใจกลางชุมชน หากระเบิดจะเกิดความเสียหาย และที่ผ่านมาคลังเก็บปะทัดแห่งนี้เป็นหนึ่งในจุดที่ชาวบ้านกังวลมาโดยตลอด
กรมการปกครองสั่งตรวจสอบจุดเก็บดอกไม้เพลิงทุกแห่ง
ขณะที่กรมการปกครอง ประกาศให้แต่ละท้องที่ตรวจสอบผู้ได้รับอนุญาต และนำเข้าดอกไม้เพลิงต้องแจ้งต่อผู้ว่าราชการจังหวัด หวั่นเกิดเหตุซ้ำรอย อย่างที่ จ.เชียงใหม่ และนราธิวาส โดยแนวทางควบคุมหลังจากนี้ กรมการปกครองกำชับให้ตรวจสอบผู้ได้รับอนุญาต นำเข้า หรือค้า ดอกไม้เพลิง ต้องแจ้งต่อผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อเป็นมาตรการป้องกัน
นอกจากนี้ยังให้นายอำเภอ เร่งตรวจสอบสถานที่อาจเป็นโกดัง เก็บดอกไม้เพลิง หรือ อาคารลักลอบเก็บดอกไม้เพลิง รวมทั้งที่มาดังกล่าว ว่าได้มาอย่างไรด้วย