วันนี้ (26 ก.ค.2566) นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา กล่าวตอนหนึ่งในการปาฐกถาเรื่องเกร็ดปฏิบัติรัฐสภาไทย ในงานสัมมนาบทบาทหน้าที่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) กับการสนับสนุนการดำเนินงานและการให้บริการกับ สส. โดยระบุว่า ผู้ที่เข้ามาเป็น สส. เป็นผู้สมัครใจเองที่จะมาเป็นผู้แทนของประชาชน กว่าจะได้รับเลือกมาต้องเผชิญกับความยากลำบาก จึงขอให้คำนึงว่าเข้ามาจากเสียงของประชาชนที่เลือกตั้ง เพื่อจะได้ไม่หลงผิด
ส่วนตัวเป็น สส.มาหลายสมัย อยู่มาหลายสิบปี ไม่มีงูตัวใดเข้ามาในสภา ดังนั้นเป็นสภาผู้ทรงเกียรติอย่าริแปลงร่างเป็นอย่างอื่น เพราะในระยะยาวจะไม่มีความสุขและอาจประสบกับความล้มเหลว
ครั้งที่แล้วมีการแปลงร่างเป็นงู แต่หากมีการย้ายพรรคตอนที่ยุบสภาไปแล้วก็ถือเป็นโอกาส เพราะอยู่แล้วอึดอัด แต่ระหว่างที่ยังเป็น สส. หากย้ายพรรค สมัยก่อนใช้คำว่าโสเภณีและเมื่อขายตัวไปก็ไม่รอด
นอกจากนี้ยังระบุอีกว่า สส.เป็นตัวแทนของประชาชนในสภา ต้องให้ความเคารพและให้เกียรติประชาชนที่เป็นตัวจริง ซึ่งคอยดูว่าตัวแทนจะแสดงตามบทบาทที่คาดหวังหรือไม่ หากไม่เป็นไปตามที่คาดหวังก็อาจถูกตัวจริงเปลี่ยนตัวแสดงในรอบต่อไป ดังนั้นขอให้ สส. รักษาความสมดุลระหว่างการทำหน้าที่ของผู้แทนและไม่ทิ้งประชาชน
ส่วนการพูดในห้องประชุม ปัจจุบันมีการกำหนดกรอบเวลาชัดเจน 5-7 นาที แตกต่างจากในอดีตที่เคยมีคนพูดแต่ละครั้งไม่ต่ำกว่า 1 ชั่วโมง ทั้งนี้ตนและนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯ คนที่ 1 ได้ช่วยกันคิดว่าขอให้ได้ประสิทธิภาพในการออกกฎหมาย แม้จะพูดน้อยก็ตาม
นายวันมูหะมัดนอร์ ยังแนะนำ สส. ว่า หากอยากเป็น สส.หลายสมัย ต้องทำตัวเหมือนรวงข้าวที่เมล็ดไม่ลีบ น้อมลงดินไม่หยิ่งผยอง เหมือน สส.ที่เข้าหาประชาชน ไม่ใช่ตั้งตรงแล้วเป็นนักเลงตลาด พร้อมกล่าวทิ้งท้ายถึงการปฏิวัติทั้ง 13 ครั้งของประเทศไทยว่า การเปลี่ยนรัฐธรรมนูญไม่ได้ทำให้บ้านเมืองดีขึ้น แต่ต้องแก้ด้วยระบอบประชาธิปไตย ด้วยระบบรัฐสภา 4 ปีไม่ดีเปลี่ยนได้ ไม่ใช่การปฏิวัติใช้อำนาจนอกระบบมาแก้ไข
อ่านข่าวอื่นๆ
ใครว่า “ก้าวไกล” เป็นละอ่อนการเมือง ปมมติรัฐสภาเหนือกว่า รธน.
"ประเสริฐ" ลั่่นได้เสียงโหวตนายกฯ เพิ่มคาดฉลุย ปัดแตกคอก้าวไกล
พลังสังคมใหม่ ชง 8 พรรคร่วม แก้ MOU หลัง เพื่อไทย นำจัดตั้งรัฐบาล