วันนี้ (25 ก.ค.2566) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์กรณีที่ ส.ส.พรรคก้าวไกล เปิดหลักฐานเพิ่มเติมคดีซุกหุ้นจนนำมาสู่การที่ศาลสั่งหยุดปฎิบัติหน้าที่เป็นการชั่วคราว ว่า ไม่มีอะไร ตนเองมีเอกสารหลักฐานยืนยัน ไม่ได้มีหุ้นนี้ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อปี 2562 โดยให้ทีมกฎหมายรวบรวมข้อมูล และชี้แจงกับสื่อมวลชนอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ (26 ก.ค.) ส่วนสถานที่จะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
มีหลักฐานชัดเจน เพราะการแจ้งบัญชีทรัพย์สินต้องตรวจให้เรียบร้อย ยิ่งเป็นบุคคลสาธารณะ ยิ่งต้องทำให้ดี
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตั้งข้อสังเกตหรือไม่ว่าเหตุใดจึงมีการแถลงข่าวอีกครั้งหลังจากเรื่องนี้ผ่านไปนานแล้ว อาจเป็นเพราะพรรคภูมิใจไทยจะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ต้องถามผู้ที่ตั้งประเด็น เรามีหน้าที่ชี้แจง เพราะเรื่องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว และเชื่อมั่นในกระบวนการฯ
ส่วนกรณีบริษัทที่นายศักดิ์สยามถือหุ้นไปรับงานของรัฐบาลนั้น นายศักดิ์สยาม ชี้แจงว่า ไม่เกี่ยวกัน เพราะเป็นตอนที่ตนเองเคยบริหาร การประมูลงานของรัฐเป็นการดำเนินการตามระเบียบพัสดุอยู่แล้ว เมื่อมีการประกวดราคา บริษัทที่มีคุณสมบัติก็มีหน้าที่ไปซื้อแบบแล้วเข้าประมูลโดยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์ (e-Bidding) ไม่ใช่วิธีพิเศษอะไร เพราะฉะนั้นบริษัทที่ได้งานในประเทศไทยมีไม่รู้เท่าไหร่ ถ้ามีคุณสมบัติและยื่นตามกระบวนการที่ถูกต้องแล้วได้งาน ก็เป็นความชอบธรรมของเขาในการดำเนินการ อย่ามาบอกว่าเป็นของใคร
นายศักดิ์สยาม ยืนยันว่า ไม่มีข้อเกี่ยวข้องกับห้างหุ้นส่วนบุรีเจริญ คอนสตรัคชั่น ตั้งแต่ปี 2562 และไม่กังวลใด ๆ เพราะการตรวจสอบบุคคลสาธารณะเป็นเรื่องปกติ ที่ผ่านมาเมื่อศาลสั่งให้หยุดปฎิบัติหน้าที่ ก็มีหน้าที่รวบรวมข้อมูลไปชี้แจง ส่วนที่เรื่องช้า เข้าใจว่าเอกสารของผู้ยื่นร้องมีจำนวนมากกว่า 600 หน้า แต่ละข้อก็ต้องไปรวบรวมเอกสารมาชี้แจงเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ เป็นหลัก 1,000 หน้า แต่ยืนยันว่ามีความพร้อมในการชี้แจงทั้งหมด
ส่วนกระแสข่าวถ้าพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ก็เป็นหน้าที่ของพรรคอันดับ 3 อย่างภูมิใจไทย นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ไม่ทราบ ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ชี้แจงแล้วว่าพรรคภูมิใจไทยยึดมั่นในหลักการสิทธิในการจัดตั้งรัฐบาลต้องเป็นของพรรคที่ได้คะแนนเสียงอันดับ 1 ก่อน ถ้า 1 ไม่ได้ก็ 2 และถ้า 2 ไม่ได้ก็ 3
ถ้าไปตรวจสอบการจัดตั้งรัฐบาลในอดีต พรรคการเมืองที่สามารถรวบรวมเสียงได้เกินเสียงในระบบทั้งหมดก็ได้เป็นรัฐบาล ซึ่งปี 2562 ก็เป็นแบบนั้น และถ้าย้อนไปตั้งแต่สมัยหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช ที่มี 18 เสียงก็เป็นนายกรัฐมนตรีได้ เพราะฉะนั้นการจะอ้างอะไรต้องพูดให้ครบ ตอนนี้ก็รอดีกว่า
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ศาล รธน.สั่งผู้เกี่ยวข้องส่งหลักฐานเพิ่ม คดีหุ้น "ศักดิ์สยาม"
ป.ป.ช.กางทรัพย์สิน "ศักดิ์สยาม" หลังพ้นเก้าอี้มูลค่า 110 ล้าน
"ปกรณ์วุฒิ" เปิดหลักฐานเพิ่ม ตั้งข้อสงสัยงบการเงินบริษัท "ศักดิ์สยาม"