วันนี้ (17 ก.ค.2566) นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ในเวลา 13.00 น. เป็นการประชุมพรรคเพื่อไทยเพื่อเดินหน้าการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ในที่ประชุม พรรคได้รับฟังจากนั้น ในเวลา 15.00 น. ประชุมร่วมกับพรรคก้าวไกล และในเวลา 17.00 น.จะเป็นการประชุม 8 พรรคตั้งรัฐบาล เพื่อหาทางออกและแนวทางเสนอชื่อนายกฯร่วมกัน
นายภูมิธรรมย้ำว่า พรรคเพื่อไทย ไม่กังวลกับกระแสตีกลับ หลังออกมาแสดงความเห็นต่าง ๆ เพราะการเจรจา ระหว่าง "ก้าวไกล" และ "เพื่อไทย" ยังไม่ได้ข้อยุติ แม้ที่ผ่านมาจะได้มีการพูดคุยกันมาแล้วก็ตาม ส่วนการแก้ไข มาตรา 272 ปิดสวิตช์ สว.จะทำคู่ขนานก็ได้ ไม่ขัดข้องแต่
เรื่องที่สำคัญคือ หาแนวทางการจัดตั้งรัฐบาลให้ได้โดยเร็ว เมื่อการลงมตินายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตของก้าวไกล ผ่านไปแล้ว ก็ได้เสียงจากเพื่อไทยครบ 141 เสียง แต่ได้จาก ส.ว. เพียง 13 เสียง ทั้งที่ แกนนำก้าวไกล มั่นใจมาก จึงไว้ใจและเชื่อใจ แต่ในความเป็นจริง ไม่ใช่ ทำให้ต้องกลับมาคิดว่า จะเดินหน้าต่อไปอย่างไร จะลงมติ ต่อไปเรื่อย ๆ คงไม่ได้
นอกจากนี้ จะต้องหารือด้วยว่า ส.ว.อาจเสนอให้พิจารณาว่า การเสนอชื่อนายพิธา เป็นญัตติหรือไม่ ตามข้อบังคับการประชุม ข้อที่ 41 หากสรุปเป็นญัตติ ชื่อนายพิธาก็ตกไป แล้ว 8 พรรคร่วมตั้งรัฐบาลต้องมาคุยกันว่า จะเดินต่อไปอย่างไร
แต่หาก ยังเสนอชื่อนายพิธาได้ พรรคก็จะยังลงมติให้เหมือนเดิมซึ่งต้องบอกว่า ได้เสียง ส.ว.สนับสนุนเท่าไหร่แล้วจะได้ช่วยหาเพิ่มให้ แต่หากครั้งที่ 2 ยังไม่ผ่านอีก ลงมติครั้งที่ 3 ก็ต้องคุยกันและหาแนวทางใหม่ จะลงมติไปเรื่อย ๆ แบบไม่มีกรอบเวลา ไม่ได้
สำหรับ การเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 ถึงแม้ว่าเพื่อไทย จะเห็นด้วยแต่ก็ไม่ใช่วาระสำคัญเร่งด่วน ไม่ใช่วาระปัจจุบัน และมองไม่เห็นความสำเร็จ เพราะเคยลงมติมาหลายครั้งแล้ว และใช้ ส.ว.ถึง 84 เสียงและต้องใช้ 20% จากฝ่ายค้าน ซึ่งเป็นเรื่องยากเพราะยังไม่มีรัฐบาล เสียง ส.ว.หนุนเป็นนายกฯก็ยังไม่พอ
อีกทั้ง เรื่องนี้ไม่ได้อิงวาระประชาชนแต่เป็นการทำเชิงสัญลักษณ์ ดังนั้น ก้าวไกล ต้องพิจารณาว่าเรื่องไหนจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องทำก่อน
และหลังจากที่ได้พูดกันแล้ว ปรากฎว่า พรรคก้าวไกล กลับมาออกแถลงการณ์ เปิดประเด็นใหม่ เอาแก้ไข มาตรา 272 มาอยู่ในสมรภูมิรบอีกครั้ง ซึ่งไม่อยู่ใน MOU ระหว่าง 8 พรรคตั้งรัฐบาล จะทำให้การตั้งรัฐบาลยากขึ้นและไม่มีกรอบเวลาที่ชัดเจน การที่นายพิธาออก แถลงการณ์แบบนี้ เป็นการมัดมือชก เพื่อไทย ดังนั้นเพื่อไทย จึงต้องออกมาพูดบ้าง ชี้แจงให้ทุกคนทราบ ยืนยันว่า นี่ไม่ใช่ความขังแย้ง โกรธกัน หรือไม่คุยกัน
อย่างไรก็ตาม นายภูมิธรรม มองว่า การตั้งรัฐบาล จะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญได้สำเร็จ เพราะจะทำเป็นวาระแรก เสนอตั้ง ส.ส.ร. เชื่อว่าทันที ภายใน 1 - 2 ปี ก็จะสำเร็จและในการประชุม วันนี้ เพื่อไทยจะเสนอวาระประเทศ ไม่ใช่ วาระของพรรคก้าวไกล หรือนายพิธา เพื่อให้ประเทศเดินหน้าได้ เพื่อไม่ให้รัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ลากยาว ต่อไป
นายภูมิธรรม ยังขอให้ ก้าวไกล เปิดใจให้กว้าง รับฟังความเห็นบ้าง เพราะ เพื่อไทย เสนอเอาวาระ ประชาชนและประเทศเป็นที่ตั้ง และอย่าเอาประชาชนมาเป็นตัวประกัน พร้อมฝากไปยังก้าวไกล ให้นำข้อหารือต่างๆ กลับไปพิจารณา นายภูมิธรรม ยอมรับว่า เป็นห่วงอาจมีโรคแทรกซ้อนตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย และจะสู้ไม่ได้ เพราะมี 188 เสียงรวมกับ สว. 250 เสียง สามารถตั้งได้เลย ซึ่งเรื่องนี้ก็จะเป็น ประเด็นหลักในการพูดคุย เพื่อหาทางป้องกัน ไม่ให้เกิดเรื่องนี้ พร้อมย้ำว่า ตอนนี้ ยังไม่มีแผนสำรองเปลี่ยนชื่อมาเป็นแคนดิเดตนายกฯ จาก พรรคเพื่อไทย แผนเดียวคือ 8 พรรคจับมือกันตั้งรัฐบาล แต่ ก้าวไกล ต้องมีกรอบเวลาชัดเจน ไม่ใช่ ปล่อยไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้ทางออก รอถึงต้นปีหน้าไม่ได้ เพราะปัญหาประเทศต้องเร่งแก้ไข หากวันไหนชัดเจน ให้เพื่อไทยตั้งรัฐบาล ก็สามารถทำได้ทันที เพราะ แคนดิเดตของพรรค 3 คนมีความพร้อม รอดูสถานการณ์ ว่าจะเสนอเป็นชื่อใคร แต่ตอนนี้ อยากหาทางออกร่วมกับ8 พรรคก่อนและ เสนอ นายพิธา ให้สำเร็จส่วนวันที่ 19 ก.ค. นี้ หากชื่อนายพิธาเสนอไม่ได้ 8 พรรคก็ต้องหารือกันว่าจะทำอย่างไร เพื่อหาทางออก หรือ เสนอชื่อใหม่
ส่วนกระแสข่าว ว่าฝั่งรัฐบาลเดิม กว้านซื้อ สส. งูเห่า จากก้าวไกล และเพื่อไทย ประมาณ 50-60 เสียงนั้น นายภูมิธรรม ย้ำว่าเป็นเพียงกระแสข่าวลือ หากจริงก็จะเกิดความเสียหาย และได้คุยกับก้าวไกลไปแล้ว ให้ไปตรวจสอบคนของตัวเอง ให้ระวัง ซึ่ง ทางพรรคเพื่อไทย ได้ย้ำไปยังแกนนำแต่ละภาคแล้วให้ตรวจสอบ และหาทางป้องกัน และยังมั่นใจว่า คนของเพื่อไทย มีสติปัญญา จิตใจมุ่งมั่น ทำตามที่ประชาชนต้องการ