ล่าสุดกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ก็ออกมาชี้แจงสนับสนุนคำแถลงของไอทีวีเมื่อวานนี้ พร้อมยืนยันว่า ไอทีวี “ยังดำเนินธุรกิจอยู่” แถมยังเปรียบเทียบว่า “ก็เหมือนบุคคลนั่นแหละ ที่เกิดมา มีชีวิตอยู่ และอาจจะทำงานหรือไม่ทำงาน” ก็ได้
ตามด้วย สนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษากรรมาธิการกฎหมายฯ สภาผู้แทนราษฎร ที่ยังไม่จบ แม้คำร้องก่อนหน้านี้ถูก กกต.ตีตกไปแล้ว
วันนี้ สนธิญายื่นคำร้องใหม่ต่อ กกต.อีกครั้ง ให้ตรวจสอบว่า “ข้อบังคับพรรคก้าวไกลมีการกำหนดเรื่องการถือหุ้นสื่อไว้เป็นลักษณะต้องห้ามของการเป็นสมาชิกพรรคหรือไม่”
และการที่นายพิธา ถือหุ้นไอทีวี จะเข้าข่ายขัดข้อบังคับพรรคก้าวไกลหรือไม่
นี่คือท้ายๆ ของกระแส “หุ้นไอทีวี” ที่ยังไม่น่าจะจบลงง่ายๆ ขณะเดียวกันก็มีการเคลื่อนไหวที่สอดรับของ ธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความอิสระ เข้ายื่นร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ขอให้ศาลพิจารณาวินิจฉัยสั่งให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ผู้ถูกร้องที่ 1 และพรรคก้าวไกล ผู้ถูกร้องที่ 2 ให้เลิกทำนโยบายการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และขอให้เลิกการให้สัมภาษณ์ ป้ายโฆษณาใด ๆ
โดยอ้างรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ที่ระบุว่า หากพบเห็นการกระทำที่เข้าข่ายเป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพ อันอาจจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ให้ใช้สิทธิ์ยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุดได้ หากครบ 15 วันแล้ว อัยการยังไม่ได้สั่งการใด ๆ ให้ยื่นร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญได้
ขณะที่ นายอานนท์ กลิ่นแก้ว แกนนำกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน หรือ ศปปส. นำหลักฐานที่เป็นข้อความในเพจเฟซบุ๊กชื่อ “สหายนอนน้อย” ส่งมอบให้กับพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. เพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้โพสต์ข้อความที่เข้าข่ายความผิดหมิ่นสถาบันฯ ม.112
ยืนยันว่า ไม่ได้กลั่นแกล้งเยาวชนให้ถูกดำเนินคดี แต่หากกระทำความผิดจริงก็ต้องรับโทษตามกฎหมาย ซึ่งก็มีกฎหมายของเด็กและเยาวชนอยู่แล้ว และอยากให้ตำรวจเร่งรัดทำคดี เนื่องจากเห็นว่าเยาวชนคนดังกล่าว หลังจากที่ได้รับอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวจากสถานพินิจ ยังมีพฤติกรรมทำผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง หากปล่อยไว้ก็จะยิ่งก่อความวุ่นวาย นายอานนท์กล่าว
ด้าน นายณัฐวุฒิ บัวประทุม รองหัวหน้าฝ่ายกฎหมาย พรรคก้าวไกล ระบุว่า การร้องเรียนเป็นสิทธิที่ประชาชนจะร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้นายพิธา และพรรคก้าวไกล เลิกทำนโยบายแก้ไข ม.112 แต่ตั้งข้อสังเกตว่า มีวัตถุประสงค์ซ่อนเร้นหรือไม่
เชื่อว่าไม่มีประเด็นใดเป็นพิเศษให้ต้องไม่กังวล หากศาลรับคำร้องพรรคก้าวไกล พร้อมชี้แจงเรื่องการแก้ไขกฎหมาย ก่อนจะย้ำเจตนาว่า มุ่งหวังไม่ให้มีการใช้กฎหมายดังกล่าว ในการกลั่นแกล้งผู้เห็นต่างทางการเมือง โดยท้ายที่สุดจะแก้กฎหมายได้จริงหรือไม่ ก็อยู่ที่มติความเห็นชอบของสภาผู้แทนราษฎร และรัฐสภา
มาถึงนาทีนี้ ที่หลายคนคาดการณ์ไว้ว่า “ม็อบมาแน่” อาจจะยังไม่มาหรือไม่มี แต่ที่แน่ ๆ ร้อง-ฟ้องแก้กันไปมาเกิดขึ้นแล้วเป็นรายวัน และนักร้องหน้าใหม่ก็ผุดขึ้นอีกหลายคน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
กรมพัฒน์ฯ แจงสถานะไอทีวี "ยังดำเนินกิจการอยู่"
กกต.เตรียมรับรอง ส.ส.สัปดาห์หน้า แต่ไม่ยืนยันครบ 100%
ป.ป.ช.ยืนยัน "พิธา" ยื่นบัญชีทรัพย์สินหุ้น itv เป็นผู้จัดการมรดก