เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.2566 สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า นักวิทยาศาสตร์จากองค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติสหรัฐฯ ระบุว่า ปรากฏการณ์ "เอลนีโญ" เริ่มขึ้นแล้ว หลังจาก 3 ปีที่ผ่านมาเกิดปรากฏการณ์ลานีญามาอย่างต่อเนื่อง
ผู้เชี่ยวชาญเกรงว่า เอลนีโญจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้โลกร้อนขึ้นทะลุ 1.5 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับยุคก่อนอุตสาหกรรม หลังจากตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาผู้เชี่ยวชาญต่างคาดการณ์ว่าปี 2023 จะเกิดปรากฏการณ์เอลนีโญที่ทำให้โลกร้อนขึ้น
ด้านนักวิทยาศาสตร์ คาดว่า สิ่งที่อาจเกิดขึ้นได้อันเป็นผลจากปรากฏการณ์นี้ มีทั้งการก่อให้เกิดภาวะแล้งมากกว่าปกติในบางพื้นที่ของเอเชียและออสเตรเลีย คล้ายกับในแอฟริกาที่เอลนีโญจะส่งผลให้แล้งกว่าปกติอยู่แล้ว
ส่วนทางตอนใต้ของสหรัฐฯ อาจมีฝนตกมากขึ้น ชื้นมากขึ้นในฤดูหนาวที่จะถึงปลายปีนี้ ขณะที่ฤดูมรสุมในอินเดียอาจอ่อนกำลังลงกว่าปกติ ซึ่งปรากฏการณ์ดังกล่าวคาดว่าจะมีผลไปจนถึงฤดูใบไม้ผลิปี 2024 และหลังจากนั้นผลกระทบจะค่อยๆ ลดลง
"เอลนีโญ" เป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ถือเป็นการแปรปรวนของระบบภูมิอากาศที่ทรงพลังที่สุดในโลก ซึ่งเอลนีโญมีชื่อเต็มว่า ENSO ย่อมาจาก El Nino/Southern Oscillation ซึ่งเป็นคำเรียกรวมปรากฏการณ์เอลนีโญ กับความผันแปรของระบบอากาศในซีกโลกใต้
เอลนีโญมี 3 สภาวะ คือ ร้อน เย็นและช่วงที่สภาวะเป็นกลาง ซึ่งเอลนีโญในสภาวะร้อนจะเกิดขึ้นเป็นวงจรทุก 2-7 ปี โดยน้ำอุ่นจะเคลื่อนตัวขึ้นมายังผิวน้ำใกล้กับบริเวณชายฝั่งของอเมริกาใต้ ก่อนจะแผ่กระจายไปทั่วทั้งมหาสมุทร ทำให้บรรยากาศของโลกอุ่นขึ้น
หนึ่งในช่วงที่ชัดเจนที่สุดว่าได้รับผลกระทบจากเอลนีโญ คือปี 2016 ที่โลกทำสถิติร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ และนักวิทยาศาสตร์จำนวนไม่น้อยเชื่อว่าปี 2024 อาจทุบสถิติเดิมเมื่อ 2016
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โลกเผชิญ “ซูเปอร์เอลนีโญ-ลานีญา” 5 ครั้ง
ไขคำตอบ เอลนีโญ-ลานีญา ความต่างที่สุดขั้ว